วันอังคารที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกการสู้รบศึกแดงเดือดเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 1894

Red Fight พระราชพงศาวดารศาสตร์สงครามลูกหนังแดงเดือดแห่งเกาะอังกฤษ




ถ้าจักวิเคราะห์ผลบอล.เอ่ยปากถึงความเป็นปฏิปักษ์กันระหว่าง ทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พร้อมทั้ง หมู่ลิเวอร์พูล ซึ่งก็เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วในวงการฟุตบอลว่านี่คือหนึ่งในคู่ปรับที่มีประวัติศาสตร์สืบเนื่องมาอย่างยาวนานร่วม ร้อยปี.

ถึงแม้จักใช้สีเดียวกันเป็นสีบ่อยๆสโมสรก็ตาม. แต่เป็นแดงคนละเฉด แดงคนละความบอก.

ซึ่งราวกับว่าทั้งสองกลุ่มนี้เกิดมาเพื่อแข่งขัน. ประชัน กับชิงชังซึ่งกันพร้อมด้วยกันตลอดเวลาก็ว่าได้.

ซึ่งถ้าจักหลักฐานตามความเป็นมาลูกหนัง. ของทั้งสองคณะ ที่ผูกด้ายแดงแห่งโชคชะตาเอาไว้ตั้งแต่สมัยที่ เหล่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด. ยังใช้ชื่อเดิมว่า นิวตัน ฮีธ. ด้วยกัน คณะลิเวอร์พูล เพิ่งแยกตัวจาก เหล่าเอฟเวอร์ตัน มาก่อตั้งสโมสรใหม่ เพราะว่าการพบกันครั้งแรกเกิดขึ้นจนถึงวันที่ 28 เมษายน ปี 1894 ฝ่ายลิเวอร์พูล เอาชนะ คณะนิวตัน ฮีธ ไปได้ 2 - 0.




1.แมนฯ ยูไนเต็ด ถ่ายไว้ครั้งปี 1910.

หลังจากนั้นในปี 1910. เหล่านิวตัน ฮีธ ซึ่งได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น กรุ๊ปแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ลงรับมือกับ ฝ่ายลิเวอร์พูล เป็นครั้งแรกที่ถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด โดยเกมนี้ถูกบันทึกว่าเป็นจุดริเริ่มต้นประการเป็นทางการของความขัดแย้งระหว่างทั้งสองทีม.

เพราะที่ในเมื่อนั้น ฝ่ายลิเวอร์พูล. ยังเป็นฝ่ายที่เอาชนะไปได้ 4 - 3.


แม้กระนั้นว่าอย่างไรก็ดีในตอนนั้น. การขับเคี่ยวระหว่างสองที่พักผ่อนยังไม่รุนแรงมากนัก แต่ในหมู่ชาวเมือง แมนคูเนียน พร้อมทั้ง เมืองลิเวอร์พัดเลียน นั้นมีความไม่ถูกกันอยู่ อันเป็นผลสรุปสืบเนื่องตั้งแต่สมัยปฏิวัติอุตสาหกรรม.เพราะว่าเดิม เมืองแมนเชสเตอร์ เป็นภาราที่ขึ้นชื่อในข้อความสำคัญของสิ่งทอ ขณะที่ เมืองลิเวอร์พูล เป็นเมืองท่าสำคัญของด้าวอังกฤษ.




2.บิลล์ แชงค์ลี่ย์ กับ บูธรูม ถ่ายไว้เท่าที่ปี 1960.

พางแต่ทุกอย่างเปลี่ยนไปทันทีที่มีการขุดคลองที่ เมืองแมนเชสเตอร์ ทำให้ดรณีต่างๆ ได้เคลื่อนย้ายจากการเทียบท่าที่ เมืองลิเวอร์พูล มาเปรียบเทียบท่าที่ เมืองแมนเชสเตอร์แทน พร้อมกับทำให้ เมืองลิเวอร์พูล ตกต่ำลงอย่างรวดเร็วจนน่าใจหาย.

ซึ่งการขับเคี่ยวเพื่อการเป็น สโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอังกฤษ ได้โหมโรงรุนแรงขึ้นในช่วงทศวรรษที่ 70 คราวฝ่ายแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประสบความสำเร็จในการเป็นสโมสรอังกฤษแห่งแรกที่คว้าแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ ได้ ในปี 1968

แต่ว่าภายหลังนั้น เมืองลิเวอร์พูล ได้ผงาดขึ้นมาผูกขาดความเสร็จสิ้นอย่างต่อเนื่องในยุคเรืองรองสืบเนื่องจาก บิลล์ แชงคลีย์ จนถึงช่วงเวลาของ เคนนี่ ดัลกลิช เป็นเวลากว่า 2 ทศวรรษ

และก่อนที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่เป็นยิ่งใหญ่บุรุษจากสกอตแลนด์ จักพลิกชะตาที่ตกต่ำของเหล่าอสูรแดง ให้กลับมาเป็นมหาอำนาจของวงการฟุตบอลระดับโลก จนแซงหน้า ฝ่ายลิเวอร์พูล ในทุกด้านใน 2 ทศวรรษที่ทะลวงมา

ซึ่งความสำเร็จที่สำคัญที่สุดคือการพาคณะคว้าแชมป์ลีกแซงหน้า เหล่าหงส์แดง ที่เคยครองอันดับหนึ่งด้วยการ

  1. คว้าแชมป์ดิวิชั่น 1 แบบเดิม 18 ระยะเวลา. 
  2. คว้าแชมป์ลีกกาลเวลาที่ 19.
  3. ปัจจุบันกาลเวลาที่ 20.


ทำให้ทีคมลิเวอร์พูล ต้องชูเรื่องความสำเร็จในเวทียุโรปกับสถิติการเป็นเหล่าจากอังกฤษที่คว้าแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ ตึดตื๋อที่สุด 5 คราวแทน.




3.ฝ่ายนึงเป็นแชมป์ยุโรป 5 เวลา พร้อมกับอีกฝ่ายเป็นแชมป์ลีกสูงสุด 20 ครั้ง. 

ก็จะเห็นได้ว่าความขัดแย้งระหว่าง.ทั้งสองสโมสรนั้นสืบสัมพันธ์กันมาช้านานแล้ว พร้อมกับรายละเอียดที่นำเสนอนั้นเป็นปางแค่โดยสังเขปเท่านั้น

และถึงแม้ว่าสถานการณ์ในยามนี้ของทั้งสองสโมสรจักตกต่ำลงจากอดีตอยู่บ้าง เพราะว่าเฉพาะ พวกลิเวอร์พูล ที่ย่ำแย่อย่างน่าใจหายในระยะเวลาอันรวดเร็ว ขณะที่ ทีมยูไนเต็ด ยังอยู่ระหว่างการเดินทางกลับสู่ความสำเร็จ.

พร้อมด้วยก็ใช่ว่าความน่าสนใจของการพบกันระหว่างทั้งสองทีมจักลดน้อยถอยลงไป

เพราะขึ้นชื่อว่าศึก เรด ไฟท์.

ก็ย่อมไม่เคยมีใครยอมใครอยู่แล้ว.

=============

ศึก Red Fight ในตำนาน.

ปี 1977. - นัดชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ




เพราะด้วยทั้งสองกรุ๊ปพบกันครั้งแรกในเกมนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลถ้วย เพราะว่าเวลานั้น ฝ่ายลิเวอร์พูล หวังคว้า ถ้วยเทรเบิลแชมป์ เพราะได้แชมป์ลีกแล้ว รอคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ต่างว่าชนะ ทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และจ่อเข้าชิง ศึกยูโรเปี้ยน คัพ ครั้งแรกกับ คณะโบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค.ด้วย

แต่ว่า สจ๊วร์ต เพียร์สัน กับ จิมมี่ กรีนฮอฟฟ์ ได้ดับฝันหงส์แดง ด้วยชัยชนะ 2 - 1.  ของเหล่าฝ่ายปีศาจแดง

ปี 1983 นัดชิงชนะเลิศ ลีก คัพ.




กรุ๊ปลิเวอร์พูล ได้ล้างแค้นได้สำเร็จในอีก 6.ปีต่อมา เท่าที่เอาชนะ เหล่าแมนฯ ยูไนเต็ด ได้ 2 - 1 ในเกมนัดชิงชนะเลิศ ลีก คัพ จากประตูของอลัน เคนเนดี้ กับรอนนี่ วีแลน แม้ว่า นอร์แมน ไวท์ไซด์ จักยิงนำให้เหล่ายูไนเต็ดได้ก่อนก็ตาม.

นั่นทำให้หงส์แดง คว้าแชมป์ลีก คัพ เป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกัน พร้อมด้วยเป็น โทรฟี่ใบสุดท้ายของบ็อบ เพสลีย์ ก่อนจะอำลาวงการ ส่งทะลุงานต่อให้โจ เฟนแกน ศิษย์ บูทรูม รุ่นถัดจากนั้นรับช่วงต่อ.


ปี 1994. ศึกตารางคะแนนพรีเมียร์ลีกล่าสุด.




กลุ่มแมนฯ ยูไนเต็ด นั้นกำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของยุคทอง พร้อมกับเป็นฝ่ายออกนำไปแบบสบายๆ 3 - 0 ที่แอนฟิลด์จากประตูของ 1.สตีฟ บรู๊ซ, 2.ไรอัน กิ๊กส์ ด้วยกัน 3.เดนิส เออร์วิน แต่ คณะลิเวอร์พูล ภายใต้การนำของแกรม ซูเนสส์ ไม่ยอมปราชัยไล่ตีเสมอได้แบบปาฏิหารย์ จาก 2 ประตูของ ไนเจล คลัฟ และนีล รัดด็อก ก่อนที่จักเสมอกัน 3-3 เป็นเกมช่วงท้ายๆ ก่อนซูเนสส์จะโดนปลดจากตำแหน่ง.


ศึกแดงเดือดที่แสนเงียบเหงา




ก็ไม่แน่ใจว่าคิดไปเองเหรอเปล่า ว่าทำไมฟุตบอลแดงเดือดฤดูกาลนี้ ในนัดแรกทำไมมันดูเงียบๆ ชอบกล ทั้งๆ ที่ ฝ่ายแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ ทีมลิเวอร์พูล ที่ทั้งสองคณะคือฝ่ายของมหาชนชาวสยาม ที่มีแฟนบอลมากที่สุดคณะนึง.

พร้อมกับถ้าเป็นช่วงหลายๆ ปีที่พ้นมา เวลามีบอลคู่นี้ทีไร มักจะมีการจัดกิจกรรมต่างๆ ให้แฟนบอลไปร่วมสนุกด้วยกันนั่งรับชมการถ่ายทอดสดทางทีวีจอยักษ์ส่งตรงมาจากประเทศอังกฤษ ซึ่งก็จักมีทั้ง สาวกอสูรแดง กับ สาวกชาวเดอะค็อป ชวนเพื่อน แฟนหรือไม่ก็ครอบครัวไปร่วมกิจกรรมกันอย่างคับคั่ง.

ซึ่งนี่ก็ไม่ใช่แค่ที่เดียว แต่มีหลายที่ที่จัดกิจกรรมแบบนี้รวมทั้งมีการแสดงไม่ก็พากย์บอลสดๆ จากกูรูนักพากย์ชื่อดัง ไม่นับรวมสวนอาหารใหญ่ๆ ตามชานเมืองที่จ้องแย่งตัวนักพากย์ดังๆ มาสร้างความบันเทิงเริงรมย์ให้กับคอบอลทั้งหลาย.





โดยที่ส่วนหนึ่งอาจจักเป็นพราะตั้งแต่ต้นฤดูกาล ผลงานของทั้งคู่ ไม่ได้สร้างความประทับใจสักเท่าไหร่ เริ่มต้นจากขุนพลปิศาจแดงที่ออกสตาร์ตแย่ที่สุดในรอบเกือบ 20 ปี ตั้งแต่เปิดฤดูกาลจนถึงเดือนพฤศจิกายน โค้ชหลุยส์ ฟาน ฮัล พาลูกกลุ่มเก็บชัยชนะได้แค่ 3 เกมเท่านั้น ก่อนที่จักมาดีขึ้นภายหลังนั้นด้วยชัยชนะ 6 เกมติด.

ในขณะที่ทัพ พวกหงส์แดงของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ก็ไม่น่าเชื่อว่าตั้งแต่เปิดฤดูกาลมา เดือนสิงหาคม รวมทุกรายการพ่ายไปถึง 9 นัด ด้วยกันเพิ่งสดๆ ร้อนๆ ที่เพิ่งตกรอบแบ่งกลุ่มฟุตบอล ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก อีกต่างถ้าหาก แถมผลงานในลีกก็อยู่กลางตารางจนมีสื่อพร้อมใจกันเล่นข่าวว่า บีร็อด นั้นอาจจะถูกปลดในเร็ววัน ยิ่งถ้าจำนนในแดงเดือดนัดนี้อีกไม่ตะกลามจักคิดสภาพนัก ๆ.

และนอกจากนั้น ในแดงเดือดครั้งนี้บรรดานักเตะซูเปอร์สตาร์ที่เป็นแม่เหล็กดึงดูดแฟนบอลก็หายไปมากมาย อย่าง กรุ๊ปแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่เท่าไหร่ ไม่มี พี่ด็อบบี้ อังเคล ดิ มาเรีย ที่เจ็บอยู่แทบคนเดียว.





แทบแต่ว่าทางด้าน คณะลิเวอร์พูล ไม่มี หม่อมเหยิน หลุยส์ ซัวเรซ ที่ขายให้ พวกบาร์ซ่าไปแล้ว ซึ่งแดเนียล สเตอร์ริดจ์ ที่กำลังบาดเจ็บ ไม่ใช่หรือแม้กระทั่ง สตีเว่น เจอร์ราร์ด เองก็โรยราไปตามวัย ไม่ร้อนแรงเหมือนสมัยหนุ่ม ๆ

ซึ่งยิ่งตัวที่เหลืออยู่อย่าง เกรียนโอ้ นั้นทำให้แฟนหงส์พันธุ์ไทยทุกคนคงพูดได้เต็มปากว่า ไม่มีใครหวังดูเกรียนโอ้เล่นบอลขนาดนั้นหรอก บวกกับผลงานในสนามที่ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ขี้เกียจอีกต่างถ้า นี้แหละคือความหมายของการนำเงิน 16 ล้านปอนด์. ไปละลายแม่น้ำเล่น

พร้อมทั้งอีกประเด็นที่มองว่าน่าตารางบอลจะทำให้แดงเดือดคราวนี้เงียบเหงาเป็นเป่าสากซะเหลือกระฉ่อนเกิน คงหนีไม่พ้นเรื่องของสภาพเศรษฐกิจที่ต้องยอมรับว่า ยุคนี้ข้าวของแพง ไม่ค่อยมีเอกชนหรือไม่หน่วยงานไหน รวมถึงคนทั่วไปประสงค์จักทุ่มงบคาดคะเนมาจัดอีเวนต์ที่เปรียบเสมือนการทุ่มเงินหลักล้านในคืนเดียวหรอก เก็บเงินไว้เที่ยวช่วงปีใหม่เลยทีเดียวจักดีกว่า






พร้อมทั้ง ข้อสรุปง่ายๆ ของไฮไลท์ฟุตบอลแดงเดือดที่จะแข่งคือ นั่งดูฟุตบอลนัดนี้อยู่บ้านคนเดียวดีกว่า ก็เพราะว่าหลายครั้งที่หลายคนมักจะเร่ำลือกไปดูบอลบิ๊กแมตช์ตามที่ต่างๆ กับเพื่อนสนิทมิตรสหาย แต่ลองเปลี่ยนบรรยากาศมานั่งดูฟุตบอลคู่นี้คนเดียวในห้อง ซื้อเครื่องถองเย็นๆ ของว่างมานั่งกิน

นั้นอาจจักทำให้ได้ชมฟุตบอลในแบบที่ต่างออกไป มีสมาธิในการดูมากขึ้น จักเห็นมิติต่างๆ ของทั้งสองกรุ๊ปในแง่แท็กติกพร้อมด้วยการวางขนบของผู้จัดการคณะ นอกจากฝีเท้าของนักเตะ

แต่พอบอลจบก็ได้เตรียมนอนหลับพักผ่อนชาร์จไฟทั้งนี้เพราะวันพรุ่งนี้ก็ต้องทำงานแล้ว ถ้าออกลูกไปทรรศนะเกมข้างนอก หรือตามกิจกรรมแดงเดือดที่จัดขึ้นเหมือนปีก่อนๆ อาจจะมีติดลม งานไหลจนต้องตื่นสายไปทำงานได้เหมือนกัน.

แต่ว่าอย่างน้อยถึงในเมืองไทยจักเงียบเหงายังไง แต่ตะโกรงให้ชมฟุตบอลคู่นี้ให้ได้ประเด็น ไม่ใช่อะไรมาก เพราะว่าปีนี้มีแนวโน้มสูงว่า

พร้อมกับแม้จะเป็นนัดพบสุดท้ายที่เราจะได้เห็น พี่เจิด สตีเว่น เจอร์ราร์ด ลงเตะบอลที่สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ดในสีเสื้อลิเวอร์พูลครับ

Bank


วันศุกร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

โปรแกรมบอลรอบแรกทีมชาติไทยใน ศึกซูซุกิ คัพ 2014

ทีมช้างศึกไทย ลัดฟ้าสู่ประเทศสิงคโปร์เตรียมลุยศึกซูซูกิคัพ2014




หลังจากที่ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง.ที่เป็นเฮดโค้ชทีมชาติไทย นำ 22 ขุนพล ช้างศึกบินลัดฟ้ามุ่งหน้าสู่ประเทศสิงคโปร์ เตรียมลุยศึกเอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ 2014.

โดยเมื่อเวลา 07.00 นาฬิกา ที่สนามบินดอนเมือง ซึ่งทัพ ช้างศึก ทีมชาติไทย นั้นได้ออกเดินทางมุ่งสู่ประเทศสิงคโปร์ ด้วยเที่ยวบินแอร์เอเชีย FD357. เพื่อทำการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ 2014 ซึ่งมี โค้ชซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ที่เป็นกุนซือใหญ่นำลูกทีมทั้ง 22 คน บินลัดฟ้า. 

ซึ่งแม่ทัพใหญ่ทีมชาติไทยได้ให้สัมภาษณ์ก่อนออกเดินทางว่า สภาพทีมตอนนี้ถือว่าพร้อมแล้วทุกขุมกำลัง หลังจากเก็บตัวฝึกซ้อม 2 สัปดาห์. และมีเกมอุ่นเครื่อง 3 นัด. หลังจากนี้ก็จะเป็นการแข่งขันจริง

และโค้ชยังกล่าวว่า. ส่วนการเดินทางเช้านี้น้องๆ ทุกคนสดชื่นไม่ได้มีอาการล้าแต่อย่างใด ไปถึงเราก็จะซ้อมเย็นทันทีและก็จะมีซ้อมในวันพรุ่งนี้อีกครั้งก่อนเปิดสนามเกมแรก.

ในด้านของ เกษม จริยวัฒน์วงศ์.ที่เป็นผู้จัดการทีม ก็ได้แสดงความพอใจกับสภาพทีมว่า เราเตรียมตัวมา 2 สัปดาห์.  มีผู้เล่นแกนหลักจากเอเชียนเกมส์และผู้เล่นที่มีประสบการณ์เข้ามาเสริม ตอนนี้เราพร้อมแล้วสำหรับการแข่งขัน ซึ่งเป้าหมายของเราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากแชมป์. ซึ่งหากเราผ่านรอบแรกไปได้โอกาสจะประสบความสำเร็จก็มีสูงทีเดียว

และทั้งนี้หลังจากบินถึงประเทศสิงคโปร์. ทัพนักเตะทีมชาติไทย จะเข้าพักที่โรงแรมเอ็ม โฮเต็ล ก่อนจะลงฝึกซ้อมในช่วงเย็น และในวันอาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายน. ทัพช้างศึก มีโปรแกรมประเดิมสนามเผชิญหน้ากับ แชมป์เก่า. และ เจ้าภาพ อย่าง ประเทศสิงคโปร์. ในเวลา 19,00 นาฬิกา.  ตามเวลาประเทศไทย




มาดูโปรแกรมรอบแรกทีมชาติไทยใน ศึกซูซุกิ คัพ 2014




โดยที่ในวันพรุ่งนี้ วันเสาร์ที่ 22 พฤศจิกายน 57. แล้วนะครับ ทัวร์นาเม้นต์ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติระดับอาเซียน ที่ใครหลายคนรอคอย กับศึก.   เอเอฟเอฟ ซูซุกิ คัพ 2014

ขอเรียนย้ำอีกทีว่า ใน กลุ่ม A. ประกอบไปด้วย

  1. ประเทศ เวียดนาม เจ้าภาพ. 
  2. ประเทศ ฟิลิปปินส์.
  3. ประเทศ อินโดนีเซีย.
  4. ประเทศ ลาว.


สำหรับกลุ่ม B. มี

  1. ประเทศ สิงคโปร์.เจ้าภาพ และ เป็นแชมป์เก่า.
  2. ประเทศ ไทย.
  3. ประเทศ มาเลเซีย. 
  4. ประเทศ เมียนมาร์. 


ซึ่งหลายท่านอาจจะพอทราบแล้วว่า.  ขุนพลช้างศึก ของเรามีคิวเปิดสนามในวันอาทิตย์ที่. 23 พฤศจิกายน 57. เวลา 19.00 นาฬิกา โดยพบศึกหนักตั้งแต่นัดแรกกับ เจ้าภาพและแชมป์ 4 สมัย ทีมชาติสิงคโปร์ ซึ่งถือเป็นคู่ปรับสำคัญของเราในรายการนี้ ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา.

และบวกกับการคว้าแชมป์ครั้งสุดท้ายของไทยตั้งแต่ปี 2002. จากการดวลจุดโทษชนะอินโดนีเซียไปอย่างสุดระทึก นับแล้วก็กินเวลานานกว่า 12 ปี. ที่เราไม่เคยได้สัมผัสกับคำว่า.  แชมป์ อีกเลย.

ก็ต้องขอแจ้งให้ทราบเพิ่มเติม สำหรับโปรแกรมการแข่งขันในรอบรองชนะเลิศ จะเตะแบบเหย้า-เยือน.

ซึ่งอันดับที่ 1 ของแต่ละสาย จะพบกับรองแชมป์ของอีกกลุ่ม โดยทีมแชมป์กลุ่มจะเป็นฝ่ายไปเยือนก่อนในนัดแรก ซึ่งจะเตะในวันที่ 6-7.  ธันวาคม.ส่วนนัดที่สองเล่นในวันที่ 10-11. ธันวาคม. 

และในส่วนของนัดชิงชนะเลิศจะเล่นระบบเหย้า-เยือนเช่นกัน ในวันที่ 17 ธันวาคม. และ 20 ธันวาคม.

เพียงแต่ว่าอย่างไรก็ดี ก่อนจะมองไปถึงรอบน็อคเอ๊าท์ เราต้องผ่านรอบแรกซะก่อน! ซึ่งดูตามหน้าเสื่อแล้ว ประมาท ไม่ได้แม้แต่เกมเดียว.

ต้องติดตามโปรแกรมฟุตบอล. รอบแรกของทีมชาติไทยได้ ตามรูปประกอบ. จดเวลาคิกออฟให้แม่น จำช่องถ่ายทอดสดให้ขึ้นใจ จะได้ไม่พลาดส่งแรงเชียร์แรงใจ ให้แข้งช้างศึกคว้าแชมป์ที่แฟนบอลรอคอยทั้งประเทศ ได้สำเร็จเสียทีครับ. 





วันศุกร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

วิเคราะห์ผลบอลศึกฟุตบอลยูโรป้าลีกเมื่อคืนที่ผ่านมา

ทีมทอฟฟี่เปิดรังถล่มทีมลีลล์ 3 - 0 ยึดจ่าฝูงศึกยูโรปา





หลังจากที่ทีมทอฟฟี่สีน้ำเงิน ได้โชว์ผลงานได้อย่างเฉียบขาด หลังจากที่เปิดบ้านเอาชนะทีม ตราหมา ไปขาดลอย 3-0. พร้อมยึดจ่าฝูงของกลุ่มไว้ได้อย่างเหนียวแน่น ในศึกยูโรปา ลีก เมื่อ 6 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา.

ซึ่งในศึกฟุตบอล ยูโรปา ลีก รอบแบ่งกลุ่ม นัดที่ 4. กลุ่มเอช แข่งขันคืนวันพฤหัสบดีที่ 6 พฤศจิกายน 2557 เป็นการพบกันระหว่าง ทีมทอฟฟี่สีน้ำเงิน เอฟเวอร์ตัน ทีมฟอร์มดีจาก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ จ่าฝูงของกลุ่ม มีอยู่ 5 คะแนน เปิดสนามกูดิสัน พาร์ค รับการมาเยือนของ ทีมตราหมา ลีลล์ ทีมดังแห่งลีก เอิง ฝรั่งเศส รั้งอันดับ 3 มี 3 คะแนน โดยเกมที่ผ่านพ้นไป เสมอกันมา 0-0.

โดยที่เริ่มเกมมาได้ไม่ถึง 1 นาที ทีมเอฟเวอร์ตัน บุกทักทายเข้าใส่ทันที สตีเว่น เนสมิธ ทำชิ่งต่อให้ ลูกากู หมุนตัวตวัดยิงด้วยซ้ายมุมแคบ เอ็นเยียม่า ปัดด้วยปลายมือทิ้งออกหลัง

ในนาทีที่ 24. ทีมลีลล์ มีโอกาสลุ้นประตูบ้าง เซบาสเตียง กอร์กเชีย ได้บอลทางฝั่งขวา ตบเข้าเขตโทษให้ ไรอัน เมนเดส แต่งบอลยิงด้วยขวามุมแคบ ติดเซฟ ทิม ฮาเวิร์ด.

ต่อมานาทีที่ 27. สาวก ทีมทอฟฟี่เมนส์ นั้นได้เฮลั่น หลังเจ้าถิ่นขึ้นนำ 1-0 จังหวะสวนกลับเร็ว เจมส์ แม็คคาร์ธี่ ถ่ายบอลออกฝั่งขวาให้ แม็คเกียดี้ เปิดเข้าเขตโทษ บอลเลยมาถึง ลีออน ออสแมน ยืนโล่งที่เสาสอง แต่งบอลวอลเลย์ด้วยขวา บอลเสียบตาข่ายเข้าไป

นาทีที่ 31. ก็ได้มีโอกาสลุ้นของเจ้าบ้านอีกครั้ง ไอเดน แม็คเกียดี้ เปิดบอลจากฝั่งซ้ายเข้าเขตโทษให้ ลูกากู ขึ้นโหม่งคนเดียวโดดๆ แต่บอลหลุดเสาไปอย่างน่าเสียดาย

ในนาทีที่ 42.ทีมเอฟเวอร์ตัน มาได้ประตูเพิ่มช่วงท้ายครึ่งแรก ไอเดน แม็คเกียดี้ เปิดลูกเตะมุมจากฝั่งขวาเข้าเขตโทษ ฟิล จากีลก้า พุ่งโหม่งโล่งๆ ชนิดไร้ตัวประกบผ่านมือ เอ็นเยียม่า เข้าไปทำให้ ทีมทอฟฟี่ ขึ้นนำเป็น 2-0.

ทำให้หมดครึ่งแรก ทีมเอฟเวอร์ตัน นำ ทีมลีลล์ อยู่ 2-0

เริ่มเกมส์มาในครึ่งหลัง ก็ยังไม่มีทีมใดเปลี่ยนแปลงตัวผู้เล่น เวลาล่วงเลยมาถึงนาทีที่ 55. ทีมเอฟเวอร์ตัน มาได้ฟรีคิกระยะอันตราย โรเมลู ลูกากู ปั่นด้วยซ้ายบอลโค้งเข้ากรอบ เอ็นเยียม่า ต้องออกแรงปัดทิ้ง

ในนาทีที่ 61. สกอร์ไหลเพิ่มไปอีกลูก ทีมเอฟเวอร์ตัน หนีห่างเป็น 3-0. เลห์ตัน เบนส์ ตวัดบอลจากฝั่งซ้ายของเขตโทษเข้ากลางให้ สตีเว่น เนสมิธ แตะบอลหนึ่งจังหวะก่อนซัดด้วยซ้ายแสกหน้า เอ็นเยียม่า เข้าไปอย่างเฉียบขาด

ต่อมาในนาทีที่ 67. ทีมทอฟฟี่ ได้เปลี่ยนผู้เล่น 2.  คนรวด ส่ง คริสเตียน อัตซู กับ ดาร์รอน กิ๊บสัน ลงสนามแทน ไอเดน แม็คเกียดี้ และ แกเร็ธ แบร์รี่

ซึ่งในนาทีที่ 77. ฝั่งกองเชียร์เจ้าถิ่นได้เฮเก้อ เมื่อ ลีออน ออสแมน จ่ายบอลทะลุช่องให้ โรเมลู ลูกากู แตะบอลหลุดเดี่ยวเข้าไปแปเสียบมุม แต่ผู้ช่วยผู้ตัดสินยกธงเป็นลูกล้ำหน้า

และในเวลาที่เหลือ ไม่มีประตูเพิ่ม จบเกม 90. นาที ทีมเอฟเวอร์ตัน เปิดบ้านเอาชนะ ลีลล์ ไปขาดลอย 3-0. เก็บ 3 แต้ม มีเพิ่มเป็น 8. คะแนน รั้งจ่าฝูงเหนียวแน่น ขณะที่ทีม ตราหมา ยังอยู่อันดับ 3 มี 3 คะแนน


ดูรายชื่อผู้เล่น ทีมเอฟเวอร์ตัน

  1. ทิม ฮาเวิร์ด 
  2. โทนี่ ฮิบเบิร์ต
  3. ฟิล จากีลก้า
  4. ซิลแว็ง ดิสแต็ง
  5. เลห์ตัน เบนส์ 
  6. เจมส์ แม็คคาร์ธี่ เปลี่ยนตัว มูฮาเหม็ด เบซิช ลงมาในนาทีที่ 84.
  7. แกเร็ธ แบร์รี่ เปลี่ยนตัว ดาร์รอน กิ๊บสัน ลงมาในนาทีที่ 67.
  8. ลีออน ออสแมน
  9. สตีเว่น เนสมิธ
  10. ไอเดน แม็คเกียดี้ เปลี่ยนตัว คริสเตียน อัตซู ลงมาในนาทีที่ 66.  
  11. โรเมลู ลูกากู

รายชื่อสำรองไม่ได้ใช้

  1. โจเอล โรเบลส 
  2. รอสส์ บาร์คลี่ย์
  3. สตีเว่น พีนาร์
  4. ซามูเอล เอโต้


มาดูรายชื่อผู้เล่น ทีมลีลล์

  1. วินเซนต์ เอ็นเยียม่า 
  2. เซบาสเตียง กอร์กเชีย เปลี่ยนตัว รอนนี่ โรเดอแล็ง ลงมาในนาทีที่ 75.
  3. ซิม่อน เคียร์
  4. มาร์โก บาซ่า
  5. ป๊าป เอ็นดิอาย ซูอาเร่ 
  6. อิดริสซ่า กูอาย
  7. ริโอ มาวูบา
  8. ฟลอร็องต์ บัลมงต์ 
  9. ไรอัน เมนเดส เปลี่ยนตัว ฟร้องค์ เบเรีย ลงมาในนาทีที่ 64.
  10. ดิว็อค โอริกี้
  11. ไมเคิ่ล เฟรย์ เปลี่ยนตัว โนแลน รูซ์ ลงมาในนาทีที่ 63. 


รายชื่อสำรองไม่ได้ใช้

  1. สตีฟ เอลาน่า 
  2. ดาวิด โรเซห์นาล
  3. ซูอาลิโญ่ เมอิเต้
  4. อดาม่า ตราโอเร่


กรรมการผู้ตัดสิน : บาส ไนจ์ฮุส ประเทศ ฮอลแลนด์


ล่าสุดวันเฮง ได้คว้าแชมป์โลก WBC หลังชนะ TKO ออสวัลโด้




หลังจากที่ วันเฮง ไก่ย่างห้าดาวยิมคว้าแชมป์โลก รุ่นสตรอว์เวท 105. ปอนด์ ของ WBC มาครองได้อย่างสมศักดิ์ศรี หลังเอาชนะ ออสวัลโด้ โนโวอา เจ้าของเข็มขัด ชาวเม็กซิกัน

ซึ่งในศึกชิงแชมป์โลกไฟต์บังคับ สภามวยโลก หรือ WBC รุ่นสตรอว์เวท 105 ปอนด์ ระหว่าง ออสวัลโด้ โนโวอา แชมป์โลกชาวเม็กซิกัน กับ วันเฮง ไก่ย่างห้าดาวยิม ผู้ท้าชิงอันดับ 1 ชาวไทย ณ สนามมวยชั่วคราว หน้าศาลากลางจังหวัดชลบุรี กำหนดการชก 12. ยก

เริ่มต้นในยกแรกทั้งสองฝ่ายเดินหน้าเข้าหาปล่อยหมัดแรกอาวุธกันทันที.


  • ในยกที่ 2-3-4. เป็นด้าน วันเฮง ที่ออกหมัดได้ชัดเจนกว่า คอยดักจังหวะสองเข้าที่หน้าและลำตัว ออสวัลโด้ 
  • ยกที่ 5 - 6. กลับเป็นฝ่ายแชมป์โลก ที่เดินหน้าใส่หมัดชุด จน วันเฮง ต้องตั้งการ์ดปิด 
  • ยกที่ 7.     เป็นด้านของ วันเฮง ที่ดักต่อยจังหวะสอง เข้าเป้าเต็มๆ หลายครั้งจน ออสวัลโด้ ออกอาการให้เห็น
  • ยกที่ 8 ทั้งสองปรี่เข้าหากัน แล้วยืนปักหลักแลกหมัดกันแบบไม่หยุดหายใจ แต่เป็น วันเฮง ที่หาจังหวะยิงหมัดฮุกเข้าลำตัว ออสวัลโด้ สลับใบหน้าเข้าจังๆ จน ออสวัลโด้ ออกอาการย่ำแย่ให้เห็นอย่างชัดเจน
  • ยกที่ 9 ทางด้านแฟนมวยได้เฮกันลั่นสนามเนื่อง ออสวัลโด้ แชมป์โลก ทนความบอบช้ำไม่ไหว ไม่ยอมออกจากมุมยอมแพ้ วันเฮง ส่งผลให้ วันเฮง เอาชนะ ทีเคโอ คว้าแชมป์โลก รุ่นสตรอว์เวท 105 ปอนด์ ของ WBC มาครองได้อย่างสะใจแฟนมวยชาวไทย


ซึ่งในการคว้าเข็มขัดแชมป์โลกของ วันเฮง ไก่ย่างห้าดาวยิม ทำให้กลายเป็นนักชกไทยคนที่ 47 ต่อจาก อำนาจ เกษตรพัฒนา กับองค์กรสถาบันหลัก 1.WBC, 2.WBA


ทีมไก่เหลือ 10ตัว บุก ทีมแอสเตราส คารังศึกยูโรป้า




ในศึกฟุตบอลศึกยูโรป้าลีก นัดแบ่งกลุ่ม เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา เกมในกลุ่มซี แอสเตราส ทริโปลิส ทีมจาก กรีซ พบกับ ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ส ทีมจากพรีเมียร์ลีก อังกฤษ


  • ซึ่งในนาทีที่ 36. ฝั่งทีมเยือนมาได้ประตูขึ้นนำก่อน เมื่อ แอนดรอส ทาวน์เซนด์ โดน คาลิฟา ปาป้า ซานกาเร ของเจ้าถิ่นทำฟาล์วในเขตโทษ ก่อนทาวน์เซนด์ จะลุกขึ้นมายิงจุดโทษเข้าไปไม่มีพลาด ทีมสเปอร์บุกมานำ 1-0. 
  • และในนาทีที่ 42. ทีมสเปอร์สมาได้ประตูที่ 2 แอนดรอส ทาวน์เซนด์ คนทำประตูแรก เปิดบอลจากกราบซ้าย แล้วเป็น แฮรี่ เคน ที่ขึ้นเทกตัวโหม่งเข้าไป จบครึ่งแรก ทีมสเปอร์ส นำ แอสเตราส ทริโปลิส 2-0.


และในช่วงครึ่งหลัง ทีมสเปอร์สมีโอกาสบุกได้มากกว่า แต่ก็ยังยิงเพิ่มไม่ได้ จนกระทั่งนาทีที่ 90 เจโรนิโม บาร์ราเลส ไปโดน ฟาซิโอ ดึงล้มในเขตโทษ ทำให้ผู้ตัดสินเป่าให้ลูกจุดโทษกับแอสเตราส พร้อมกับไล่ฟาซิโอ ออกจากสนาม ก่อนบาร์ราเลส จะรับหน้าที่สังหารเข้าไป จบเกม แอสเตราส ทริโปลิส แพ้ สเปอร์ส 1-2.

ทำให้ตอนนี้ ทีมสเปอร์ส แข่งไปแล้ว 4. นัด มี 8 คะแนน ส่วนแอสเตราส มี 4 คะแนน โอกาสเข้ารอบยังเปิดกว้างทั้งคู่.

เคียร์มั่นใจ ว่าโอริกี้จะไปรุ่งโรจน์กับทีมหงส์แดงแน่นอน




หลังจากที่ ซิมง เคียร์ ทางด้านกองหลังเพื่อนร่วมทัพ ทีมตราหมา ของ โอริกี้ ได้ออกโรงอวย ดาวยิงรุ่นน้อง จะมีอนาคตที่สดใสกับ ทีมหงส์แดง ต้นสังกัดที่แท้จริงอย่างแน่นอน พร้อมยกให้เป็นยอดแข้งพรสวรรค์สูง.

ซึ่งซิมง เคียร์. ปราการหลังจอมแกร่งของสโมสร ทีมลีลล์ ทีมชั้นนำแห่งศึก ลีกเอิง ฝรั่งเศส ออกมากล่าวยกย่อง ดิว็อค โอริกี้ หัวหอกดาวโรจน์ที่ปัจจุบันทัพ ทีมตราหมา นั้นยืมตัวมาจาก ทีมลิเวอร์พูล ทีมยักษ์ใหญ่ประจำเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ว่าเป็นนักเตะดาวรุ่งที่มีศักยภาพมาก และมั่นใจว่าจะไปได้สวยกับทัพ ทีมหงส์แดง อย่างแน่นอน

ซึ่งแนวรับชาวเดนมาร์ก ได้กล่าวถึงเพื่อร่วมทีมวัย 20. ปีว่า เขาเป็นนักเตะที่มีศักยภาพมาก และจะสามารถเป็นนักเตะที่ยิ่งใหญ่ในตำแหน่งกองหน้าของลิเวอร์พูลได้ โอริกี้ เป็นหนึ่งในนักเตะที่มีพรสวรรค์สูงมาก

ผมไม่มีข้อสงสัยในความสามารถของเขาเลย เขายังเป็นแข้งดาวรุ่ง และถือเป็นเรื่องฉลาดมาก ที่ลิเวอร์พูล ปล่อยให้เขาได้พัฒนาฝีเท้ากับ ลีลล์ ต่อไปอีกหนึ่งซีซั่น แต่ตอนนี้เขาก็มีทุกอย่างครบเครื่องแล้ว ทั้งด้าน 1.ร่างกาย, 2.ความฟิต, 3.เทคนิค และ 4.ความเร็ว

และทั้งนี้ ตัวของโอริกี้ ย้ายจาก ทีมลีลล์ มาร่วมทัพ ทีมหงส์แดง เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ด้วยค่าตัว 10 ล้านปอนด์หรือประมาณ 550. ล้านบาท

ซึ่งอย่างไรก็ตาม เบรนแดน ร็อดเจอร์ส นายใหญ่แห่งถิ่นแอนฟิลด์ ก็ปล่อยตัวดาวยิงชาวเบลเยียมรายนี้ให้ต้นสังกัดเก่า ยืมตัวไปใช้งานก่อนเป็นเวลา 1 ซีซั่น และก็สามารถทำผลงานได้อย่างโดดเด่น โดยในฤดูกาลนี้ลงเล่นให้ทัพ ทีมตราหมา ไปแล้ว 15 นัด. ยิงได้ 4 ประตูด้วยกัน.


วันพฤหัสบดีที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2557

วิเคราะบอล : จดหมายสาร จาก คูมัน ถึง ฟาน กัล และ เกรียนโอ้ ผมทำอะไรผิดเหรอ?

จดหมายสาร จาก คูมัน ถึง ฟาน กัล



ถึงแม้ว่ากลางสัปดาห์แบบนี้จะมีฟุตบอลศึก “ลีก คัพ” ผู้ดีในชื่อ “แคปิตอล วัน คัพ” รอบ 32 ทีมสุดท้ายลงทำการแข่งขัน และไม่ได้มีชื่อ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งตกรอบแรก เพราะทีมชื่อ “เอ็มเค ดอนส์”

แต่ว่าบนสื่อยังคงเป็นของ หลุยส์ ฟาน กัล. และลูกทีม ชนิดที่เรียกได้ว่า มาจาก “ทุกมุม” องศา

สิ่งที่น่าสนใจที่สุดเห็นจะเป็นความเห็นของ แกรี่ เนวิลล์ ที่ “ประเมิน” ว่า อดีตสโมสรของเค้าคงต้องใช้เงินอีก 100 ล้านปอนด์

ซึ่งสิ่งที่เพิ่มเติมจากที่จ่ายไปแล้ว 151. ล้านปอนด์ ซัมเมอร์ที่ผ่านมา เพื่อ “เติมทัพ” โดยเฉพาะ.
  1. เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ. 
  2. มิดฟิลด์ตัวรับ.  
  3. มิดฟิลด์ตัวกลาง.



ทีมผีแดงไม่มีโปรแกรมบอลลีกคัพเหมือนชาวบ้าน เพราะชิงตกรอบเพราะ เอ็มเค ดอนส์ ไปก่อนแล้ว

ซึ่งไม่เว้นแม้แต่ “อินไซด์” สุด ๆ จากสื่อ “เดลี เมล์” ที่ระบุว่ามีเสียงเล็ดลอดจากห้องแต่งตัวหลังเกมแพ้เลสเตอร์ 3-5 ตะโกนประมาณว่า แมร่ง จะเปลี่ยนตัว ดิ มาเรีย ออกทำไมวะ.? ด้วยเหมือนกัน.

ก็เอาเป็นว่า ก่อนเกมนัดถัดไปสุดสัปดาห์นี้ที่พลพรรค ทีมปิศาจแดง เตรียมจะเปิดโอลด์ แทรฟฟอร์ด รับการมาเยือนของ ทีมเวสต์แฮม เป็นทีมที่เพิ่งถล่มลิเวอร์พูลมานั่นแหละ ผมคงได้มาพูดถึงฟาน กัล และลูกทีมอีกแน่ๆ.

เพียงแต่วันนี้. ก็ต้องขออนุญาตเปลี่ยนเรื่อง โดยเริ่มจากคำถามว่า “ทราบไหม ใครอยู่อันดับ 2 บนตารางพรีเมียร์ลีก ณ ตอนนี้.? หลังผ่านไป 5 นัด”

ซึ่งก็เชื่อแน่ครับว่า คอบอลส่วนใหญ่น่าจะทำ “หน้างง” และคงจะงงมากยิ่งขึ้นหากผมจะเฉลยว่าเป็นทีม เซาธ์แฮมป์ตัน คือ ทีมรองจ่าฝูงดังกล่าว. 

!!! ครับ. !!! ก็คงเหลือเชื่อสุดๆ เพราะยอดทีมแดนใต้ที่เพิ่งสร้างความประทับใจจบ “ อันดับ 8. ” ฤดูกาลที่ผ่านมา เสียทั้งกุนซือ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ และนักเตะหลักมากมาย. 

โดยที่สถานการณ์แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว
ตามมาด้วยเนื้อ ๆ เน้น ๆ ไม่นับ “ตัวประกอบ” ก็ไล่เลยตั้งแต่

  1. อดัม ลัลลาน่า.
  2. ริคกี้ แลมเบิร์ต.
  3. เดยัน ลอฟเรน. 
  4. ลุค ชอว์.  
  5. คาลั่ม แชมเบอร์ส. 


และในขณะที่ได้ตัว “ตำนาน” กองหลังทีมชาติฮอลแลนด์ โรนัลด์ คูมัน ทำหน้าที่กุนซือพร้อมด้วย “งานสร้าง” ระดับคอนโดมิเนียม ไฮไรซ์ เกิน 40.ชั้น ในการสร้างทีมใหม่

สิ่งหลัก ๆ แล้ว คูมัน ต้อง “รีบซื้อ” แต่ก็ได้

  1. เฟรเซอร์ ฟอร์สเตอร์.
  2. ไรอัน เบอร์ทรานด์.
  3. ดูซาน ทาดิช. 
  4. เชน ลอง.  
  5. กราซิอาโน่ เปลเญ่.ที่ได้มาร่วมทัพ


อีกทั้งยังมีนักเตะเก่าที่ยังเหลืออยู่ และยังไม่ไปไหน อาทิ.

  • มอร์ก็อง ชแนเดร์แล็ง.
  • เจย์ โรดริเกวซ. 
  • วิคเตอร์ วันยาม่า. 
  • นาธาน ไคล์.
  • มายะ โยชิดะ. ฯลฯ เป็นแกนเดิม


และล่าสุด ทีมนักบุญเพิ่งจะบุกชนะทีมสวอนซี ถึงรัง 1-0. และหลังเกม คูมัน พูดได้น่าประทับใจมากๆ ครับ

เขาพูดว่า ทีมเราเล่นแบบโพสิทีฟ และรักษาปรัชญาการเล่นของสโมสรไว้ได้ โดยตั้งแต่เกมแรก เราเล่นได้ดีโดยใช้ทีมเวิร์ก และความกระตือรือร้นสุดยอด

ซึ่งมันสร้างความประหลาดใจเหมือนกันที่ทีมใช้เวลาน้อยในการสร้างทีมใหม่ให้กลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง

ภาพล่าสุดเมื่อคืน เมื่อทีมนักบุญบุกไปชนะทีมอาร์เซน่อลถึงบ้านซะด้วย!

ซึ่งรวมความแล้ว คูมัน “แตะๆ” หลายครั้งเรื่อง ทีมสปิริต และการรักษาปรัชญาการเล่น

และสิ่งทั้งหลายทั้งปวง และทั้งหมดนี้ ทำให้ผม “ชื่นชม” แม้จะรู้ว่า การออกสตาร์ตลีกสูงสุดได้เยี่ยมสุดในรอบ 26. ปี ของคูมัน และทีมเซาธ์แฮมป์ตัน จะเป็นเพียง “เรื่องสั้น. 

ก็อีกไม่นานก็จบ และทีมบุญก็คงตกลงไปอยู่กลาง ๆ ตาราง หรือต่ำกว่านั้น

แต่ผลงาน ก็ชนะ 3. เสมอ 1. และแพ้ 1.กับทีมที่ เปลี่ยนแปลง เยอะขนาดนี้ไม่ได้มาเพราะ โชคช่วย แน่นอน แต่ต้องใช้ความสามารถในการบริหาร ทำทีม

และซึ่ง คูมัน ทำได้!!!

มันทำให้ผมนึกย้อนถึง “ต้นเรื่อง” สโมสรทีมแมนฯยูฯ กับ หลุยส์ ฟาน กัล อีกครั้งครับ
โดย...ไข่มุกดำ


ก็ว่ากันไป ผมทำอะไรผิดเหรอ?


น้องโอ้ ผิดอะไร?

ถ้าหากเป็น ผู้แพ้ที่ดี คือคนที่ต้องรู้จักสงบปากสงบคำ และต้องไม่สนใจสิ่งรอบข้าง ถึงแม้จะโดนบลัฟมากแค่ไหน โอเคคุณอาจจะโต้เถียงหรือแขวะกลับไปได้บ้าง แต่มันต้องทำด้วยวิธีที่ไม่ใช่การ "เหยียดผิว" นักเตะ

คำว่า saynoracism หรือการไม่พูดจาด่าด้วยการเหยียดผิว เป็นสิ่งที่องค์กรลูกหนังทั่วโลก พยายามรณรงค์ให้มันลดน้อยถอยไปหรือให้มันตายไปจากวงการฟุตบอลเลยได้ยิ่งดี แต่ผมเชื่อเลยว่ามันไม่มีทางหมดหรอก ถ้าจิตใจคนมันยังปราศจากสิ่งยั่วยุไม่ได้. !

แต่ว่านี่ก็เป็นอีก 1. เหตุการณ์ ที่ผมไม่อยากเชื่อว่าจะหลุดมาจากปลายนิ้วของแฟนบอล "เร้ด อาร์มี่ บางจำพวก" ย้ำนะครับว่า "บางจำพวก" เพียงแค่เพราะว่า มาริโอ บาโลเตลลี่ ที่เพิ่งสถาปนาตัวเองเป็น "ลิเวอร์พัดเลี่ยน" ได้ไม่นาน โพสต์ 'ทวิตเตอร์' เชิงแซวหรืออาจจะตกใจกับผลการแข่งขันที่ ทีมแมนฯ ยูไนเต็ด พลิกกลับมาพ่าย ทีมเลสเตอร์ 3-5. 

นี่คือตัวอย่าง และก็ไม่ได้เอามากล่าวหาลอยๆ แต่มันมีอยู่จริงคนแบบนี้. 
ก็จะไม่ให้ตกใจหรือแซวได้ไงล่ะครับ เพราะผมเชื่อเลย ก่อนเกมที่ "ทีมปีศาจแดง" จะลงพบกับ "ทีมจิ้งจอกสยาม" เหล่าสาวกทีม "เร้ด อาร์มี่" จำนวนไม่น้อย เล่นจัดการโพสต์ "เฟซบุ๊ค" หรือ ทวิเตอร์ แซวหรือเชิงเยาะเย้ยลิเวอร์พูล ที่ไปพ่ายต่อ ทีมเวสต์แฮม 1-3. เมื่อวันเสาร์ กันอย่างสนุกมือ เพราะคงคิดว่าพรุ่งนี้ตูชนะแน่ !

และจะดูเหมือนว่าฟ้าเล่นตลกกับ ทีมแมนฯ ยูไนเต็ด นะครับ เพราะเสกให้พวกเขาพ่ายแพ้ต่อคู่แข่งเช่นกัน ทั้งๆที่ อังเคล ดิ มาเรีย โชว์เทพด้วยการยิงชิบข้ามประตู แถมยังมีช็อตที่ ราดาเมล ฟัลเกา แอสซิสต์เข้าหัว โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ แบบพอเหมาะพอเจาะ ออกนำไปก่อน 3-1 แต่ใครจะเชื่อว่า ทีมเลสเตอร์ จะมารัว 4 ประตูรวด แซงชนะไป 3-5

นี่นับว่าเป้นการพ่ายแพ้ต่อเวสต์แฮมของหงส์แดง อย่าบอกนะว่าแฟนผีไม่เคยเยาะเย้ย

โดยหลังจากที่ เมื่อผลสกอร์จบแบบนั้น ก็ไม่ใช่แค่แฟนบอลทีม "จิ้งจอกสยาม" ทีมเดียวแล้วล่ะครับ ที่แฮปปี้มีความสุข เพราะแฟนบอลเฉพาะกิจอย่างทีม "หงส์แดง" เรียกได้ว่ายิ้มหน้าบาน ปากแทบฉีกไปถึงใบหู ประหนึ่งว่าถึงตาที ตู จะเอาคืนพวกนายแล้ววว !

และก็อาจจะเรียกได้ว่าอะไรที่ แฟนบอลทีม "ปีศาจแดง" เคยโพสต์เยาะเย้ยทีม "หงส์แดง" เมื่อวันเสาร์ที่แพ้ เวสต์แฮม เหล่าสาวกทีม "เดอะ ค็อป" จัดเต็มยิ่งกว่า เปรียบดังสุภาษิตที่ว่า "หัวเราะที่หลังดังกว่า"

โดยที่ 1 ในนั้น ก็มี 1 นักเตะของทีม ลิเวอร์พูล และเป็นอดีตแข้งคู่อริร่วมเมืองของทีม แมนฯ ยูไนเต็ด อาจจะเก็บอาการไว้ไม่อยู่ นั่นคือ "ซูเปอร์มาริโอ้. " จัดการโพสต์ข้อความผ่าน ทวิตเตอร์ ส่วนตัว หลังเกมที่ "ปีศาจแดง" พ่ายต่อ "ทีมจิ้งจอกสยาม" ด้วยข้อความสั้นๆที่ว่า " Man utd  LOL."
สิ่งที่ผมสามารถทำใจยอมรับการเกรียนได้ ถ้าไม่เกิดเหตุการณ์เหยียดสีผิว

ก็โอเคผมเข้าใจดีว่า เป็นนักเตะที่เป็นอริของทีมรักคุณ ถ้าหากโพสต์แซวขนาดนี้ ในฐานะสาวกแฟนบอลของทีมมันก็เป็นเรื่องธรรมดา ที่คุณจะต้องปกป้องหรือแขวะกลับไป เชิงประมาณเห้ยทีมนายก็แพ้มานะ

เพียงแต่ว่าสิ่งที่ผมไม่คาดคิดเลยว่าจะมีการแขวะกลับของแฟนบอลทีม "ปีศาจแดง" บางจำพวก ไปยัง "บาโลเตลลี่" ด้วยข้อความที่เหยียดผิวแบบชัดเจน นั่นคือด่าว่า Monkey ตรง ๆ เลยคับว่าคือ ลิง ! ซึ่งในประเทศแถบยุโรป คำนี้ถือว่าผิดมหันต์

และสิ่งที่ผมจะยกตัวอย่างข้อความของแฟนบอลทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ทวีตไปหา บาโลเตลลี่ นะครับ

  1. บาโลเตลลี่ นายมันก็แค่ลิงตัวนึง.
  2. เมื่อวานทีมแกก็แพ้ 1-3 นะ ไอลิง.

ในส่วนนี้แค่เบาๆ นะครับ
ซึ่งอีกส่วนหนึ่งคือ 1. ข้อความ ถือว่ารุนแรงมากทีเดียวคือ "นายมันเป็นตัวแพร่เชื้ออีโบล่า ไอ้ลิงสกปรก"

แต่ผมไม่ได้ว่าแฟนบอลทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ทั้งหมดนะครับ เพราะแฟนบอลดีๆ มีเยอะทั่วโลก แต่พฤติกรรมแฟนบอลเหล่านี้มันรับไม่ได้ครับ มันเหมือนเป็นพวกขี้แพ้ชวนตี !

โดยที่มันเป็นเรื่องที่เห็นแก่ตัวเหมือนกันนะ ที่คุณโพสต์ด่าคนอื่นได้ แต่เมื่อถึงตาคุณโดนบ้างกลับรับไม่ได้

ซึ่งหากจะสรุปแล้ว บาโลเตลลี่ ผิดอะไรหรือครับ ผิดที่เค้าโพสต์ข้อความ หรือผิดที่เค้าแซว แมนฯ ยูไนเต็ด 
แต่ถ้าหากคำตอบคือผิด ! แล้วทำไมต้องด่าทอกันด้วยข้อความที่มันเป็นการเหยียดผิด ผมว่ามันไม่ควรที่จะไปตอบโต้ด้วยถ้อยคำรุนแรงอะไรทั้งสิ้น ที่จะก่อให้เกิดความบาดหมาง

หากแต่เพราะสุดท้ายแล้ว สิ่งที่แฟนบอลเหล่านั้นทำลงไป อาจจะเป็นเพราะอารมณ์ชั่ววูบ แต่เชื่อไหมผลกรรมนั้นมันจะย้อนตามมาเล่นงาน ดั่งเช่นตอนนี้ตำรวจแห่งเมอร์ซี่ย์ไซด์ เตรียมหามือดีที่โพสต์ทวิตเตอร์เหยียดผิว บาโลเตลลี่ มาดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว

ในส่วนตัวผม ก้ไม่ได้โลกสวย เพื่อมาตำหนิแฟนบอลทีม "ปีศาจแดง" บางจำพวกหรอกนะครับ เพราะสาวกทีม "หงส์แดง" ที่ตัดผมขาว 3 ด้าน (เกรียน) ก็มีเหมือนกันแหละครับ ผมไม่ปฏิเสธแน่นอน.

แต่ทว่าก้อยากให้บลัฟกันพอขำๆ เอาแบบหอมปากหอมคอ อย่าให้มันมีรุนแรงอะไรมากมาย !

ก็เชื่อซิหากแซวกันพอขำๆ มันเป็นสีสันของชีวิตและเกมกีฬาดีออก มันทำให้ฟุตบอลไม่น่าเบื่อด้วย เพราะวันไหนที่ ทีมแมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ได้แขวะ ทีมลิเวอร์พูล หรือ "หงส์แดง" ไม่ได้แซว "ปีศาจแดง" มันคงเหงาปากน่าดูเลย ว่ามั้ย ??
โดย...HaiiHowdy.-



วันอังคารที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2557

วิเคราะห์บอลพรุ่งนี้ป๋าเฟอร์กี้เสียดายชินจิ คากาวะเพราะผีใช้ไม่เป็น

เมื่อทางคล็อปป์แฉเฟอร์กี้โคตรเสียดายผีใช้คากาวะไม่เป็น



เมื่อทางเจอร์เก้น.คล็อปป์ ได้แฉว่า เซอร์ เฟอร์กี้ โคตรเสียดาย เมื่อทีมผีแดง ใช้งาน ชินจิ คากาวะ ไม่เป็นตลอด 2 ปี ในถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ก่อนกลับตายรังกับ.  "ทีมเสือเหลือง."
โดยเมื่อเจอร์เก้น คล็อปป์.เทรนเนอร์ของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ สโมสรชั้นนำแห่งศึกบุนเดสลีกา เยอรมัน เปิดเผยคำพูดของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อดีตบรมกุนซือของทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด. สโมสรดังแห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่ออกมายอมรับกับตัวเองว่ารู้สึกเสียดายสุดๆ ที่ทัพทีม "ปีศาจแดง." ไม่สามารถเค้นฟอร์มเก่งของ ชินจิ คากาวะ มิดฟิลด์ชาวญี่ปุ่นออกมาได้ตลอด 2 ปี.ที่ค้าแข้งอยู่ในถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด จนต้องย้ายกลับมาร่วมทัพทีม "เสือเหลือง" เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา. 
สำหรับนายใหญ่แห่งถิ่น. ซิกนัล อิดูน่า พาร์ค อ้างอิงคำพูดของ เฟอร์กี้ ว่า. ผมได้พบกับ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ทีกรุงนียง และผมรู้สึกว่าเขายังดูชื่นชอบและหลงใหล ชินจิ คากาวะ อยู่นะ ซึ่งเขาบอกกับผมว่าเขาเสียดายอย่างยิ่งที่ทำให้ คากาวะ. อยู่ในฟอร์มที่ดีที่สุดไม่ได้ ซึ่งนั่นเป็นปีแรกของเขากับ แมนฯ ยูไนเต็ด แต่เมื่อมาถึงปีที่ 2 ทุกอย่างมันก็ยังไม่ดีขึ้น เฟอร์กี้ บอกว่าเขาเสียดาย คากาวะ มากๆ.  

ทางด้านของเอ็นริเก้ซูฮกเมสซี่เจ๋งกว่าซึบาสะ

โดยหลังวิเคราะห์บอลพรุ่งนี้จากที่ที่หลุยส์ เอ็นริเก้ กุนซือของทีม "บาร์ซ่า" ยกนิ้วชม ลิโอเนล เมสซี่ เก่งกว่า กัปตัน ซึบาสะ ตำนานตัวการ์ตูนโลกฟุตบอลแน่นอน
หลังจากที่หลุยส์ เอ็นริเก้ เทรนเนอร์ของ บาร์เซโลน่า จ่าฝูงแห่งศึกลา ลีกา สเปน ออกมากล่าวยกย่องฟอร์มการเล่นของ ลิโอเนล เมสซี่ ดาวยิงตัวความหวังของทีม ที่ร่ายมนต์เพลงแข้งได้อย่างสุดยอดในเกมที่ชนะ แอธเลติก บิลเบา 2-0 เมื่อวันเสาร์ที่ 13 กันยายนผ่านมา โดยชี้ว่าดาวเตะอาร์เจนติน่า เก่งกาจกว่า กัปตันซึบาสะ หนังสือการ์ตูนชื่อดังจากประเทศญี่ปุ่นเสียอีก
ถึงแม้ว่าในเกมที่ชนะ แอธเลติก บิลเบา ตัวของ เมสซี่ จะไม่สามารถทำประตูได้ แต่เขาเป็นคนที่ผ่านบอลให้ เนย์มาร์ กองหน้าทีมชาติบราซิล สังหารทั้ง 2 ประตู ช่วยให้ต้นสังกัดเก็บชัยชนะ 3 นัดติดต่อกัน และด้วยฟอร์มเช่นนี้เองทำให้ เอ็นริเก้ ต้องออกมาชมอย่างไม่ขาดปาก.
ซึ่งนายใหญ่ของทีม เจ้าบุญทุ่ม ได้ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องดังกล่าวว่า. เมสซี่ ไม่ได้มีดีแค่ยิงประตูเท่านั้น แต่เขายังจ่ายบอลได้เยี่ยม เขาทำในสิ่งที่ กัปตันซึบาสะ หรือ เกมเพลย์สเตชั่น ยังไม่สามารถทำได้ พวกเรารู้เรื่องนี้ดี ทีมเราเหมือนกับมีสิทธิพิเศษที่มีนักเตะที่ดีที่สุดในโลกอยู่ในทีม.

สื่อสเปนแฉ ชุดขาวแห้วแชมป์ทุกปีถ้าหากสตาร์ทห่วย

สำหรับทีมราชันชุดขาว นั้นโดนขุดสถิติหลังสตาร์ทห่วย ชี้ถ้าแพ้ 2 จาก 3 นัดแรกของซีซั่นใหม่ ไม่เคยคว้าแชมป์ลา ลีกา ได้เลย
ซึ่ง อาส ที่เป็นสื่อดังเมืองกระทิงดุ ขุดสถิติเก่าๆ ขึ้นมาโจมตี เรอัล มาดริด ยักษ์ใหญ่แห่งศึกลา ลีกา สเปน โดยระบุว่าหากทัพ "ทีมราชันชุดขาว" พ่ายแพ้ 2 จาก 3 นัดแรกของฤดูกาลใหม่เมื่อไร พวกเขาจะไม่มีทางคว้าแชมป์ได้เลย และล่าสุดพวกเขาก็เพิ่งพ่ายต่อ แอตเลติโก มาดริด 1-2 คาบ้านของตัวเอง เมื่อวันอาทิตย์ที่ 14 กันยายนที่ผ่านมา นับเป็นการแพ้ในลีก 2 นัดติดต่อกันด้วย
โดยที่ครั้งสุดท้ายที่ทีม. เรอัล มาดริด.แพ้ 2 จาก 3 นัดแรกของซีซั่น ต้องย้อนกลับไปในยุคของ วันเดอร์เลย์ ลุกชอมบูร์โก้ เทรนเนอร์ชาวบราซิเลียน.  โดยเริ่มต้นจากชนะทีม กาดิซ 2-1. จากนั้นแพ้ 2 นัดรวดให้กับทีม เซลต้า บีโก้ 2-3 และทีม เอสปันญอล 0-1.โดยแชมป์ฤดูกาลนั้นตกเป็นของทีม บาร์เซโลน่า โดยทิ้งห่างทีม "ราชันชุดขาว" 12 คะแนน. 
และนอกจากนี้ในบันทึกประวัติศาสตร์ฟุตบอลสเปน. ระบุว่ามีเพียงแค่ 4 ทีมเท่านั้น ที่เริ่มต้นฤดูกาลอย่างย่ำแย่. และกลับมาคว้าแชมป์ลีกได้สำเร็จ ประกอบด้วย.

  1. ทีมบาร์เซโลน่า. ปี 1928.- 1929.
  2. ทีมแอธเลติก. บิลเบา ปี 1930. - 1931.
  3. บาเลนเซีย. ปี 1970. - 1971. 
  4. บาร์เซโลน่า.  ปี 1973. - 1974.


เรียกได้ว่าหล่อเลย.! หลังกาซียาส น้อมรับเสียงโห่จากแฟนบอล

มันต้องอย่างนี้สิ. กัปตัน โดยกาซียาส ลั่น พร้อมตั้งใจซ้อมและสู้เต็มที่เพื่อกลบเสียงโห่ไล่ของแฟนบอลทีมชุดขาว หลังทีมฟอร์มสุดห่วยช่วงเปิดหัวซีซั่นใหม่

สำหรับอิเกร์ กาซียาส. ผู้รักษาประตูมือ 1 ของสโมสรทีมเรอัล มาดริด ยอดทีมแห่งศึกลา ลีกา สเปน ออกมาเปิดเผยว่า ตนเองยอมรับได้กับเสียงโห่ไล่ และคำวิจารณ์ของเหล่าแฟนบอล หลังโชว์ฟอร์มได้อย่างน่าผิดหวัง และมีส่วนทำให้ทัพ "ทีมราชันชุดขาว" พ่ายต่อ แอตเลติโก มาดริด คู่ปรับร่วมเมือง คาบ้าน 1-2. ประตู เมื่อวันเสาร์ที่ 13 กันยายนที่ผ่านมา พร้อมลั่นจะขอตั้งใจฝึกซ้อม และพัฒนาฟอร์มการเล่นของทีมกลบเสียงโห่ร้องเหล่านั้น

โดยที่ทีม ราชัน ชุดขาว เริ่มต้นฤดูกาลใหม่ได้ไม่ค่อยดีนัก เก็บได้เพียง 3 คะแนน จาก 3 นัด จนแฟนบอลของทีมตัวเองเริ่มทนไม่ไหว จนมีเสียงโห่ไล่นักเตะดังขึ้นในเกมนัดล่าสุด อย่างไรก็ตาม กาซียาส กัปตันทีม ก็ออกมาปกป้องแฟนบอลเหล่านั้น โดยระบุว่า "แฟนบอลมีสิทธิ์ที่จะออกเสียงตัดสิน และถ้าพวกเขาอยากจะโห่ใส่คุณ คุณก็ต้องเข้าใจและยอมรับมันให้ได้ รวมถึงเคารพในความเห็นของพวกเขาด้วย สิ่งเดียวที่เราจะตอบสนองต่อเสียงโห่นั้นได้ก็คือ ตั้งใจฝึกซ้อม และลงเล่น เพื่อแก้ไขข้อผิดพลาดทั้งหมด"

และทั้งนี้ เหล่าบรรดาแฟนบอลของทีม เรอัล มาดริด เริ่มแสดงความไม่พอใจ รวมถึงมีเสียงโห่ไล่ทั้งนักเตะและประธานสโมสร โดยเชื่อว่าส่วนนึงก็มาจากการที่สโมสรตัดสินใจปล่อย 2 ตัวหลักในแดนกลางอย่าง ซาบี อลอนโซ่ และอังเคล ดิ มาเรีย ออกไปจากทีมนั่นเอง

ทางด้านของเนย์มาร์ยกเมสซี่เบอร์1ของโลกหลังเหมา2แอสซิสต์

โดยที่เนย์มาร์ ยก เมสซี่ เป็นเลิศในปฐพีหลังรับบทผู้ให้ ด้วยการแอสซิสต์ถวายพานให้เจ้าตัวเหมา 2 ประตู พาทีม "เจ้าบุญทุ่ม" เปิดรังต้อน บิลเบาผลบอล 2-0
ซึ่งเนย์มาร์. กองหน้าบราซิเลียนของ บาร์เซโลน่า.สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกลา ลีกา สเปนออกโรงยกย่อง ลิโอเนล เมสซี่ กองหน้ารุ่นพี่ภายในทีมว่าเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดในโลก หลังจากที่ดาวเตะทีมชาติอาร์เจนติน่ารับบท "ผู้ให้" ด้วยการจ่ายถวายพานถึง 2.  ครั้งให้กับหัวหอกทีมชาติบราซิลเหมา 2 ประตูในเกมที่ "เจ้าบุญทุ่ม." เปิดบ้านเอาชนะ แอธเลติก บิลเบา 2-0.   เมื่อวันที่ 13 กันยายน.ที่ผ่านมา.

ซึ่งดาวยิงทีมชาติบราซิเลียน. กล่าวถึงคู่หูในแดนหน้าของตัวเองว่า "ผมมีความสุขมากๆ กับเกมในวันนี้ มันสมบูรณ์แบบกับ 2 ประตูของผมในวันนี้ เรารู้ว่าเราจะต้องเจอกับคู่ต่อสู้ที่ยอดเยี่ยม เราเล่นเกมรับอย่างเหนียวแน่น และเก็บชัยชนะได้ในที่สุด ลิโอเนล เมสซี่. คือนักเตะที่ดีที่สุดในโลก เขาคือซูเปอร์สตาร์ และเมื่อผมหายเจ็บกลับมา เราทั้งคู่ก็ทำให้ทีมดีขึ้น ผมยังเหนื่อยล้าเล็กน้อยกับการเดินทาง ผมหวังว่าปีนี้จะเป็นปีของผม ."


วันจันทร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2557

ก็คนมันเก่งอ่ะ! โดยที่ฟัลเกา เผยว่าเคยเกือบเป็นนักเบสบอลมาก่อนนักฟุตบอล + คลิป.


ก็คนมันเก่ง
.! โดยฟัลเกา เผยว่าเคยเกือบเป็นนักเบสบอลมาก่อน+คลิป.



ถือว่าเป็นโชคดีนะที่ พ่อเตือนไว้ซะก่อน
.! "หลังจากที่ เอล ติเกร" ได้ยอมรับว่า สมัยวัยเยาว์ เคยหมางเมินลูกหนังคลั่งไคล้เบสบอล จนเกือบยึดเป็นอาชีพ. แต่โชคดีที่มีคุณพ่อคอยเตือน จนทำให้รู้ว่าตนเองเหมาะสมกับกีฬาฟุตบอลที่สุด.

หลังจากที่
. ราดาเมล ฟัลเกา ซึ่งเป็นหัวหอกป้ายแดงของทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด. ยักษ์ใหญ่แห่งศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ได้ออกมาเปิดเผยว่า ถ้าหากตนเองไม่ได้เป็นนักฟุตบอลอาชีพ ก็อาจจะหันไปเอาดีทางกีฬาเบสบอลแทน เพราะตนเองก็พอมีฝีมือ และคลั่งไคล้กีฬาชนิดนี้อยู่บ้าง โดยยอมรับว่า ตอนสมัยเด็กๆ เคยเกือบเลิกเล่นฟุตบอล และไปทุ่มเทให้กับเบสบอลแทนเสียแล้ว ทว่าสุดท้ายได้คุณพ่อเตือนสติให้หันกลับมาเล่นฟุตบอลอีกครั้ง จนมีชื่อเสียงโด่งดังจนถึงทุกวันนี้.

โดยที่เขาได้เปิดเผยว่า "ในสมัยเด็กผมอาศัยอยู่ที่ประเทศ เวเนซูเอล่า และเริ่มเล่นฟุตบอลที่นั่น แต่ตอนนั้นผมเล่นไม่เป็น และรู้สึกอายทุกครั้งที่ลงเล่นกับเด็กคนอื่นๆ มันทำให้ผมไม่อยากเล่นอีกต่อไป แต่พ่อของผมคอยให้กำลังใจ และสนับสนุนให้ผมเล่นต่อไป จนทำให้ผมตกหลุมรักฟุตบอลในที่สุด แต่ผมจะบอกอะไรให้นะ ผมก็เป็นนักกีฬาเบสบอลเช่นกันในตอนนั้น ที่ประเทศเวเนซูเอล่า ซึ่งผมอาศัยอยู่ถึง 5 ปีเต็ม มีวันนึงการฝึกซ้อมฟุตบอลของพวกเราถูกยกเลิก เพื่อร่วมทีมต่างตัดสินใจว่าจะเล่นเบสบอลแทน แต่ผมไม่รู้กติกาอะไรทั้งสิ้นเลย"

เขากล่าวว่า หลังจากที่พวกเรา เริ่มเล่น ผมก็ตีบอลพลาด เพื่อนร่วมทีมต่างหัวเราะเยาะผม และนั่นก็เป็นแรงผลักดันให้ผมเริ่มทำความเข้าใจกับกีฬาชนิดนี้ ผมเล่นในตำแหน่งพิชเชอร์ และก็คิดว่าจะหันไปเอาดีทางกีฬาเบสบอลแทนฟุตบอล แต่พ่อของผมรู้ดีว่าผมเล่นฟุตบอลคงจะรุ่งกว่า สุดท้ายเราก็ย้ายออกจากเวเนซูเอล่า จึงจำเป็นต้องเลิกเล่นเบสบอสไปโดยปริยาย แต่สุดท้ายผมก็เชื่อแล้วว่า ผมรักฟุตบอลมากกว่า ฟัลเกา วัย 28 ปี
. กล่าว

และกองหน้าชาวโคลอมเบีย ยังได้กล่าวถึงบิดาบังเกิดเกล้าของตนเองอีกด้วยว่า "สำหรับพ่อ คือไอดอลตลอดกาลของผม เขาเคยเล่นฟุตบอลในตำแหน่งกองหลัง และได้แนะนำผมว่า ควรเล่นอย่างไร เวลาเผชิญหน้ากับกองหลัง
."





ดูท่าจะเป็นข่าวใหญ่เมื่อ นาสรี่เมินทีมหงส์.

ชี้ทีมผี
.,ทีมสิงห์.ลุ้นแชมป์ลีกกับทีมเรือใบ.



เมื่อนาสรี่ เผยได้มองข้าม "ทีมหงส์แดง
." ว่าอาจ ลุ้นแชมป์ลีกยาก หลังจากเสีย ซัวเรซ แถมมีเกมยุโรปมาเพิ่ม ชี้มีเพียง "ทีมปีศาจแดง" กับ "ทีมสิงห์บลูส์" ที่เป็นคู่แข่งแย่งแชมป์กับ "ทีมเรือใบสีฟ้า" ส่วน "ทีมปืนใหญ่." มองว่าเป็นตัวทรอดแทรก

หลังจากที่ ซามีร์ นาสรี่ มิดฟิลด์ของ ทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมชั้นนำในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ มองข้าม ทีมลิเวอร์พูล คู่แข่งร่วมลีก ว่าอาจจะหมดสิทธ์ลุ้นซิวแชมป์ลีกในซีซั่นนี้ เนื่องจากเสียนักเตะคนสำคัญอย่าง หลุยส์ ซัวเรซ ไป รวมถึงยังมีโปรแกรม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เพิ่มเข้ามา ดังนั้นจึงขอยกให้ ทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ ทีมเชลซี ที่จะมาเบียดแย่งแชมป์กับทัพ "ทีมเรือใบสีฟ้า
."

โดยที่มิดฟิลด์ชาวฝรั่งเศส ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า
."ทีมลิเวอร์พูล จะต้องพบกับงานที่ยากลำบาก เพราะพวกเขาเสีย ซัวเรซ ไป อีกทั้ง ทีมลิเวอร์พูล ยังจะมีโปรแกรมลงเล่นในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องที่จะแตกต่างออกไปสำหรับพวกเขา เพราะซีซั่นที่แล้วพวกเขาลงเล่นแค่ในลีกจนถึงเดือนสุดท้ายของฤดูกาล และมันทำให้พวกเขาได้เปรียบ เนื่องจากมีสภาพร่างกายที่สดและฟิตกว่า."

เขาได้กล่าวว่า
. สำหรับผม ผมคิดว่าคู่แข่งสำคัญของ แมนฯ ซิตี้ ในการแย่งแชมป์ลีก คือ ทีมเชลซี และ ทีมแมนฯ ยูไนเต็ด โดย ทีมเชลซี ทำได้ดีในการเซ็นนักเตะเข้ามา และ เชส ฟาเบรกัส จะเป็นคนที่สามารถทดแทน แฟร้งค์ แลมพาร์ด ได้ เขาเป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยม ผมรู้ดีเพราะผมเคยเล่นกับ เชส สมัยอยู่ อาร์เซน่อล ส่วน เชลซี ที่มีปัญหาเรื่องศูนย์หน้าเมื่อซีซั่นก่อน แต่ฤดูกาลนี้พวกเขาก็เซ็นคว้าตัว ดีเอโก้ คอสต้า เข้ามา ส่งผลให้พวกเขาดูน่ากลัวอย่างมาก.

ทั้งยังได้เพิ่มเติมอีกว่า
. และ ทีมแมนฯ ยูไนเต็ด นั้นได้กุนซือคนใหม่ ทั้งยังคว้านักเตะมาเสริมขุมกำลังได้เป็นอย่างดี รวมถึงพวกเขาไม่มีโปรแกรมลงเตะเกมยุโรปด้วย ดังนั้นผมจึงคาดหวังว่า ทีมแมนฯ ยูไนเต็ด จะกลับมาแข็งแกร่งอีกครั้งอย่างแน่นอน ส่วน ทีมอาร์เซน่อล ก็อาจมีลุ้นแย่งแชมป์เหมือนกัน เพราะการคว้าตัว อเล็กซิส ซานเซซ เข้ามา ทำให้มีความแข็งแกร่งขึ้น นาสรี่ ร่ายยาว.



ดูเหมือนทีมปืนจะได้เฮ.! หลังวัลค็อตต์ เตรียมคัมแบ็กนัดฟัดทีมไก่. 



ดูเหมือนทีมปืนใหญ่ จะได้เฮ เมื่อ วัลค็อตต์ เตรียมคัมแบ็กกลับมาลงสนามช่วยทีม ในแมตช์ปะทะทีม "ไก่เดือยทอง
." หลังเจ้าตัวฟิตเต็มสูบอีกครั้ง หลังร้างสนามไปกว่า 8 เดือน

ซึ่งหลังจากที่ทีม อาร์เซน่อล ที่เป็นยักษ์ใหญ่แห่งเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
. ได้รับข่าวดี เมื่อล่าสุดมีรายงานว่า ธีโอ วัลค็อตต์ ปีกตัวจี๊ด กลับมาฟิตแบบเต็มสูบอีกครั้ง ภายหลังต้องร้างสนามจากอาการบาดเจ็บหัวเข่าไปตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา โดยเจ้าตัวมีลุ้นลงประเดิมสนามให้ทัพ "ทีมปืนใหญ่" เป็นครั้งแรกในรอบ 8 เดือน เกมที่จะพบกับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ อริร่วมเมือง ในวันที่ 27 กันยายน. นี้

โดยสำหรับดาวเตะวัย 25 ปี
. ได้มีปัญหาเดี้ยงบริเวณหัวเข่า จากเกมที่ "ทีมปืนใหญ่" เอาชนะ "ทีมไก่เดือยทอง" ไป 2-0. ในศึก เอฟเอ คัพ เมื่อเดือน มกราคม ที่ผ่านมา แต่กระนั้น วัลค็อตต์ ก็ได้บำบัดฟื้นฟูอาการบาดเจ็บมาตลอด จนล่าสุดเตรียมคัมแบ็กกลับมาลงสนามช่วย อาร์เซน่อล. ได้อีกครั้ง ในศึก "ลอนดอน ดาร์บี้แมตช์" ที่จะพบกับ "ทีมสเปอร์ส"

ซึ่งในทั้งนี้ การคัมแบ็กของ วัลค็อตต์ นับว่าเป็นข่าวดีสำหรับ ทีมอาร์เซน่อล เพราะนอกจากจะเจอมีคิวลงดวลกับ "ทีมสเปอร์ส" แล้วนั้น ทัพ "ทีมปืนใหญ่" ก็ยังพบศึกหนักปะทะกับ ทีมกาลาตาซาราย ในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก วันที่ 1 ตุลาคม
. ก่อนจะต้องออกไปเยือน ทีมเชลซี เป็นนัดถัดไป



จะได้ประโยชน์แน่นอนหรือเปล่า.?


ข่าวนี้จะยังคงมีประเด็นข่าวให้เห็นกันต่อเนื่องกับความเป็นไปได้ที่ทีมลิเวอร์พูลจะดึงตัว บิคตอร์ บัลเดส อดีตคนเฝ้าเสาของบาร์เซโลน่ามาร่วมทีม
.

ซึ่งด้วยสถานภาพของ บัลเดส ที่ไม่มีสังกัดหรือที่คุ้นกับคำว่าฟรีเอเยนต์ ย้ายไปทีมไหนก็ได้ช่วงเวลาไหนก็ได้มีข้อยกเว้นไว้ให้แม้ว่าตลาดซื้อขายจะปิดตัวไปแล้วก็ตาม

หลังจากที่ บัลเดส ได้หมดสัญญากับบาร์ซ่าหลังจากจบฤดูกาลที่แล้ว และมีการเซ็นสัญญาล่วงหน้ากับโมนาโกตั้งแต่ช่วงปีใหม่ ความท้าทายที่ต้องการพังลงไปหลังจากบาดเจ็บเข่าจนต้องเข้ารับการผ่าตัดและพักยาวมาจนถึงทุกวันนี้

และทางทมโมนาโกยกเลิกสัญญา ในขณะที่ทีมบาร์ซ่าก็ยังเปิดช่องให้อยู่ต่อ ทว่า บัลเดส ตัดสินใจเดินหน้าต่อไปรอความท้าทายอื่นโดยไม่มีเรื่องราวของเวลาในตลาดซื้อขายเข้ามาขัดขวาง จะมีก็เพียงสภาพร่างกาย สภาพความฟิตของตัวเองเท่านั้น


นี่เป็นท่าประจำตัวที่แฟนบอลคุ้นตา. 

ลองย้อนกลับมาที่ทีมลิเวอร์พูล ในวันสุดท้ายของตลาดซื้อขายมีการประเมินสภานการณ์กันว่า เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ควรจะหาผู้รักษาประตูเข้ามาเพิ่ม เอาประเภทที่สามารถกดดัน ซิมง มิโญเลต์ ได้ ไม่ใช่หาแค่ตัวสำรองแตะระยะห่างของฝีมือยังมีให้เห็นเฉกเช่นมี แบร็ด โจนส์
. เป็นมือ 2 อยู่ตอนนี้

ทางทีมอาร์เซนอลมี 
  1. เชสนี่ 
  2. ออสปิน่า 

ทีมเชลซีมี 2 สุดยอดอย่าง 
  1. ปีเตอร์ เช็ก 
  2. กูร์กตัวส์ 

และในขณะที่ทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้มี 
  1. โจ ฮาร์ท 
  2. วิลลี่ กาบาเยโร่ 

ซึ่งแต่ละทีมถือว่ามือ 1. และ 2. สามารถกดดันแก่งแย่งตัวจริงกับได้แบบสูสี

และทีมลิเวอร์พูลไม่ได้เป็นแบบนั้น แม้ว่า ร็อดเจอร์ส พยายามแก้ปัญหาเกมรับของทีมมาตลอด แต่การเสริมผู้รักษาประตูเพื่อกดดันหรือแย่งมือ 1 กับ มิโญเลต์ กลับไม่มีให้เห็น

โดยที่ก่อนหน้านี้ถ้า เปเป้ เรน่า ตัดสินใจอยู่ต่อก็สามารถใกล้เคียงกับคำว่ากดดัน มิโญเลต์ มากกว่า แบร็ด โจนส์ ทำไม เรน่า เลือกไปนั่งสำรองของ นอยเออร์ แทนที่จะสู้กับ มิโญเลต์

และนี่คือเหตุผลที่ทำให้ ความสัมพันธ์ของนักเตะกับกุนซือมันหมดลงไปตั้งแต่นาทีที่ ร็อดเจอร์ส ตัดสินใจเปลี่ยนแปลงมือหนึ่งของทีมโดยไปดึงตัว มิโญเลต์ เข้ามา นั่นเท่ากับว่าหมดความไว้ใจกันไปเรียบร้อยแล้ว ความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมันจึงถูกตัดขาดตั้งแต่นาทีนั้น
.






เมื่อเปเป้ เรน่า จรลีไปอยู่กับ ทีมเสือใต้ ดีกว่าอยู่ต่อแบบอึดอัดใจ. 

โดยที่ความคาดเดาของสื่อกับกรณีที่ ร็อดเจอร์ส ทำตัวเงียบๆไม่ยอมขยับในช่วงโอกาสสุดท้ายก่อนเดดไลน์ อาจเป็นไปได้ที่ตั้งเป้าไปที่ บัลเดส เอาไว้แล้ว แค่รอให้ฟิตร่างกายกลับมาเท่านั้น ดีไม่ดีแอบคุยกันแล้วก็ได้
.

และทีมหงส์แดงจะได้ประโยชน์จาก บัลเดส หรือเปล่า ว่ากันเป็นประเด็นไป ในเรื่องของการปรับตัวกับเกมพรีเมียร์ ลีก ต้องรอของจริง เรารู้กันอยู่แล้วว่า พรีเมียร์ ลีก ฆ่าคนที่มีชื่อชั้นดีๆมานักต่อนัก ประเด็นนี้เป็นเรื่องอนาคตยกยอดไปก่อน

ซึ่งในเรื่องของอาการบาดเจ็บหัวเข่า เป็นเรื่องใหญ่ไปจัดการกันเองระหว่างการตรวจร่างกาย เรื่องที่จะได้ประโยชน์แน่ก็คือ ประสบการณ์ของ บัลเดส

สำหรับการเล่นให้กับทีมบาร์ซ่าสิบกว่าปี นั่นหมายถึงผ่านเกมระดับสุดยอดมามากมายโยเฉพาะถ้วยใหญ่ของยุโรปอย่างแชมเปี้ยนส์ ลีก
.


นี่เป็นสไตล์การทำทีมของ บีร็อด ซึ่งน่าจะเข้ากับบัลเดสได้ดี.

และในเรื่องราวต่อมาก็คือฝีมือไม่ได้เป็นรอง มิโญเลต์ แต่อย่างใด เพราะฉะนั้นหากมีการดึงตัวมาร่วมทีมในอนาคตอันใกล้จริงตามที่สื่อวิเคราะห์กัน ไม่ใช่แค่การดึงตัวเพื่อเข้ามาเป็นมือ 2
. ของทีม

เพียงแต่ว่าเป็นการดึงเข้ามาเพื่อแย่งมือหนึ่งกันอย่างชัดเจน ภาพรวมของ มิโญเลต์ ที่ผ่านมาถือว่าใช้ได้ในระดับพอใจสำหรับ ร็อดเจอร์ส

ซึ่งในหลาย ๆ ครั้งเช่นกันที่คนเฝ้าเสาของหงส์แดงพลาดแบบง่ายๆ ไม่ว่าจะเป็นการออกมาตัดลูกโด่งหรือการปิดมุมเสาแรก

และรายละเอียดเล็ก ๆน้อยๆของผู้รักษาประตูไม่สามารถมองข้ามกันได้ มันหมายถึงการเสียประตูให้คู่แข่งทันที แมตช์เจอกับทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้เมื่อสัปดาห์ก่อนโน้นเห็นกันชัดเจนว่า มิโญเลต์ พลาดอย่างแรงกับการปิดมุมเสาแรกเปิดช่องเป็นวาให้ กุน อเกวโร่ ยิงยัดเข้าไปแบบสบายๆ


ซึ่งถ้าบัลเดสมา ตำแหน่งตัวจริงของมิโญเล่ต์ก็ไม่การันตี 100% อีกต่อไป.

แม้จะปิดช่องมิดชิดแล้วระดับ อเกวโร่ ยังสามารถยิงเข้าไปได้ นับประสาอะไรกับการเปิดช่องซะกว้างขนาดนั้น ร็อดเจอร์ส ไม่สามารถมองข้ามรายละเอียดแบบนี้
. 

และปรัชญาฟุตบอลหลายอย่างของ ร็อดเจอร์ส
. ใกล้เคียงกับหลักฟุตบอลของทีมบาร์ซ่าที่ บัลเดส คุ้นเคย การขึ้นบอลจากแนวรับ การตั้งรับตั้งแต่แดนหน้าคือไล่บอลกันตั้งแต่กองหน้า คงช่วยให้การปรับตัวง่ายขึ้นเยอะ.

ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่าอุปสรรคใหญ่ยังคงขวางทางอยู่ นั่นคือสภาพร่างกายของ บัลเดส เอง การตรวจร่างกายคงเข้มข้นมาก และเรื่องราวตามข่าวยังคงไม่เกิดขึ้นตอนนี้ อย่างน้อยกว่า บัลเดส
. จะกลับมาได้เต็มสูบต้องรอถึงเดือนพฤศจิกายน

และความคืบหน้าที่แท้จริงอาจจะต้องรอไปถึงเดือนหน้า แต่ว่าถ้าทุกอย่างเป็นจริงและราบรื่นถือว่า ทีมหงส์แดงได้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้แน่นอน
.