วันพุธที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

สื่อต่างประเทศยืนยัน ผีปลดฟานกัลพร้อมเปิดตัวมูรินโญ่แล้ว

สื่อต่างประเทศยืนยัน ผีปลดฟานกัลพร้อมเปิดตัวมูรินโญ่แล้ว


เช็คผลบอลสดๆ

โดยหลังเกมนัดชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ 2016. นักข่าวของ สื่อสกายสปอร์ตส์ ยังได้ถาม มาถึงความเห็นเรื่องที่เจ้าตัวนั้นโดนปลด ซึ่งหลุยส์ ฟาน กัล ได้เดินทางออกจากโรงแรมที่พักของทีม. ในกรุงลอนดอน

โดยได้ตอบคำถามเพียงสั้นๆ ว่า It's over. หรือ มันจบแล้ว คาดว่า น่าจะเป็นการเผยถึงอนาคตของตัวเองในการคุมทีม.


ซึ่งบีบีซี สื่อยักษ์ใหญ่อังกฤษ. พร้อมกับเสนอข่าว ในเรื่องดังกล่าวในทำนองเดียวกันว่า กุนซือในวัย 64 ปี จะโดนปลดพ้นตำแหน่งอย่างแน่นอนในเร็ววัน.

สื่อเดลี่เมล์. และ เทเลกราฟ. สื่อชั้นนำของประเทศอังกฤษ. มีข่าวว่า ทีมแมนฯ ยูไนเต็ด ได้ปลด หลุยส์ ฟาน กัล ออกจากตำแหน่งกุนซือเป็นที่เรียบร้อย

และสื่อทั้ง 2 เจ้านี้.  ยังระบุไปในทำนองเดียวกันว่า ถึงแม้ว่า หลุยส์ ฟาน กัล. จะเพิ่งพาทีมปีศาจแดงคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ได้สำเร็จ ซึ่งก็ไม่อาจจะเหนี่ยวรั้งตำแหน่งเก้าอี้กุนซือในโอลแทร็ฟฟอร์ดได้

และสำหรับผู้ที่ถูกคาดหมายว่าจะขึ้นมานั่งใน ตำแหน่งแทนก็คือ โจเซ่ มูรินโญ่ โดยได้เดินทางมาถึงอังกฤษ ซึ่งก็จะเปิดตัวเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ของ ทีมแมนยู ในวันอังคารนี้ทันที



และนอกจากนี้ รายงานยังได้ระบุถึง. สาเหตุที่ทีมปีศาจแดงตัดสินใจปลด โค้ชหลุยฟานกัล ออกพร้อมด้วย ทีมงานแบบยกเซตเลย ก่อนที่จะหมดสัญญาในอีก 1 ปี. ข้างหน้า

เหตุสืบเนื่อง. มาจากการที่ทำทีมล้มเหลวในแง่ของฟอร์มการเล่นตลอดทั้งสอง ฤดูกาล. โดยทางสโมสรสรทุ่มเงินให้ใช้จ่ายซื้อ ผู้เล่นชั้นดีมาสู่ทีมอย่างมากมาย

เดลี่ มิร์เรอร์ ที่เป็นสื่อชื่อดังของอังกฤษ. ก็ได้เผยภาพคนงานได้เข้าไปย้ายของออกจากบ้านพักของ โจเซ่ มูริญโญ่ ณ กรุงลอนดอน ในวันที่ 23 พฤษภาคม. ที่ผ่านมา

เช็คผลบอล


ซึ่งพูดเป็นที่คาดหมายว่า ข้าวของดังกล่าวจะถูกส่งตรงไปบ้านหลังใหม่ ที่เมืองแมนเชสเตอร์.

โดยโจเซ่ มูรินโญ่. นั้น ได้กลายเป็นกุนซือที่ถูกฟังธงว่าจะมานั่งเป็นกุนซือของทีมปีศาจแดง และแทนที่ของหลุยส์ ฟาน กัล ที่เพิ่งถูกปลดออกไปเมื่อวานที่ผ่านมา.


หลังจากนั้นก็มีการประกาศแต่งตั้งอย่างเป็นทางการณ์ ถ้าหากฟ้าไม่ถล่มดินไม่ทลาย ทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็จะได้หัวหน้าทัพคนใหม่ที่ชื่อ โจเซ่ มูรินโญ่.

วันอังคารที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2558

บอลลีกผู้ดี แข่งขันสูงแต่ว่า...มาตรฐานต่ำ?

ฟุตบอลลีกผู้ดี แข่งขันสูงแต่ว่า...มาตรฐานต่ำ?


 


   
เท่าที่ผมจำได้ว่า จนถึงสัปดาห์ก่อนโน้น เคยแสดงความเห็นในประเด็นที่ว่า สโมสรจากเมืองผู้ดี อาจจัก สูญพันธุ์ ไปจากศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาลนี้ ตั้งแต่รอบ 8 คณะสุดท้าย...


    ตราบมาถึงวันนี้ โอกาสที่ว่า.. ดู ใกล้เคียง อย่างยิ่ง หลังการพลาดท่าตกรอบคาบ้านของ เหล่าสิงห์น้ำเงินคราม เชลซี ที่โดน เปแอสเช ฝ่ายดังเมืองน้ำหอม บุกมาตีเสมอแบบได้อเวย์โกล์ มากกว่า ทั้งๆ ที่ ข่าวเชลซี ได้เปรียบตัวผู้เล่น 1 คนตั้งร่วม 1 ชั่วโมง.

    แต่ว่าความแน่ๆแล้ว เชลซี. เป็นตัวแทนจากอังกฤษ ที่มีโอกาสดีกว่าทั้ง กลุ่มแมนฯ ซิตี้ ด้วยกัน ฝ่ายอาร์เซนอล อย่างชัดเจน หลังเปลี่ยนเกมรอบ 16 ฝ่ายสุดท้าย นัดแรก จนกระทั่งลูกหมู่ของ โจเซ่ มูรินโญ่.อุตส่าห์บุกไปเสมอถึงปารีส 1-1 มีอเวย์โกล์ กลับมาอุ่นใจ.

    แต่ว่า สุดท้ายแล้ว ลูกคณะของกุนซือมูรินโญ่ ก็มีอันต้องเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า โบกมือลาจากถ้วยบิ๊กเอียร์ ไปซะงั้น.

    กับกับสถานการณ์นัดที่ 2. ที่ คณะเรือใบสีฟ้า แมนฯ ซิตี้... ตามหลัง พวกบาร์เซโลน่า...1 - 2 แถมต้องไปเล่นที่คัมป์นู ส่วน คณะปืนใหญ่ อาร์เซนอล. ต้องไปเยือนฝรั่งเศส ด้วยสกอร์ตามหลัง เหล่าโมนาโก 1-3..

   

    ด้วยเหตุนี้ถ้าพูดกันตามทฤษฎี. ทั้ง กรุ๊ปแมนฯ ซิตี้.พร้อมทั้ง ฝ่ายอาร์เซนอล.ยังมีโอกาส พลิก เข้ารอบได้เหมือนกัน สมมติมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงอาทิตย์ที่แล้ว ที่ พวกชาลเก้ ยังไปชนะ พวกเรอัล มาดริด.ถึงเบอร์นาบิวได้ พร้อมด้วยแม้จักตกรอบ พร้อมทั้งสิ่งที่ คณะเปแอสเช. ทำกับ คณะเชลซี นั่นแหละ.

    แต่ว่าในโลกความเป็นแน่นอน เพื่อโอกาสที่หมู่จากอังกฤษอีก 2 กลุ่ม จักร่วงตกรอบตาม ทีมเชลซี มีความเป็นไปได้มากกว่าเพียบ.

    ตัวของพอล สโคลส์ อดีตมิดฟิลด์ของคณะปิศาจแดง ด้วยกันกรุ๊ปชาติอังกฤษ ออกมาแสดงความคิดเห็นได้อย่างน่าสนใจว่า.

    ด้วยโอกาสที่ตัวแทนจากอังกฤษ จัก สูญพันธุ์ใช่ไหมหายสาบสูญ จากศึกแชมเปี้ยนส์ลีกในปีนี้ เช่นแค่รอบ 16 หมู่สุดท้าย เป็นไปได้สูงมาก แถม สโคลส์ ยังพูด แทงใจดำ แฟนบอลเมืองผู้ดีอีกต่างสมมติว่า.

    กับในชั่วโมงนี้ มาตรฐานของฟุตบอลพรีเมียร์ลีกก็ยัง ตามหลัง ลีกชั้นนำอื่นๆ ของยุโรปไปหลายก้าวแล้ว.

   


    ทั้งนี้สโคลส์ ชี้ว่า. การขับเคี่ยวชิงดีชิงเด่นกันในลีก ทำให้ ศึกพรีเมียร์ลีก ยังคงเป็นลีกที่ได้รับความนิยม พร้อมกับน่าตื่นตาตื่นใจที่สุด.

    เท่าแต่ว่า! ในเรื่องของ มาตรฐาน.คือปัญหาที่บรรดาสโมสรจากเมืองผู้ดีต้องรีบ แก้ไข.เพราะด่วน

    พร้อมด้วยผมยังมองคล้ายๆ กับที่ สโคลส์ พูด ก็คือ ชั่วโมงนี้ มาตรฐาน ของสโมสรจากเมืองผู้ดี ล้าหลัง ลีกอื่นๆ ไปแล้วครันๆ.

    ซึ่งหนึ่งในสาเหตุหลักๆ. ก็คงเป็นการมีแมตช์แข่งขันภายในมากมายเกินไป ทำให้ สภาพ.ของผู้เล่นในลีกเมืองผู้ดี สู้ลีกอื่นๆ เขาไม่ได้

    แต่ว่าเหตุผลที่ สำคัญ. อีกเรื่อง ในความเห็นของผม ก็คือ ในขณะที่ลีกเมืองผู้ดี มีการแข่งขันที่ สูง กว่าลีกชั้นนำอื่นๆ กลับกลายเป็นทำให้ โอกาสในการที่แต่ละสโมสร จะดึงผู้เล่นระดับซูเปอร์สตาร์ มากองรวมกันอยู่ในพวก เป็นไปได้ไม่ง่าย.

   


    ซึ่งในขณะที่บุนเดสลีกา มีเช่นแค่ พวกเสือใต้ บาเยิร์น มิวนิค. กลุ่มเดียวที่โดดเด่นสุดๆ เหนือสโมสรอื่นๆ จึงเป็นเรื่องง่ายที่ ซูเปอร์สตาร์ จะไปกองกันอยู่กับพวกเขา

    ในฝั่งสเปน ก็มีพางแค่ พวกเรอัล มาดริด กับ กรุ๊ปบาร์เซโลน่า ที่ผลัดกันขึ้นครองความยิ่งใหญ่ เพิ่งมีกลุ่มตราหมี เหล่าแอต.มาดริด เบียดเข้ามาในซีซั่นที่แล้ว แต่บรรดานักเตะระดับซูเปอร์สตาร์ทั้งหลาย ถ้าหากจักมีการเลื่อนไปอยู่ในสเปน ก็จะนึกถึงแค่ หมู่เรอัล มาดริด. กับ หมู่บาร์เซโลน่า. ก่อนใครเพื่อน

    ซึ่งก็ไม่เว้นแม้แต่ในอิตาลี ที่นักเตะต้องนึกถึง หมู่ยูเวนตุส ก่อนเป็นอันดับแรก เช่นเดียวกับที่ฝรั่งเศส ซึ่งชื่อ ทีมเปแอสเช ย่อมมาเป็นอันดับ 1 เสมอ.

    กับในการดึงผู้เล่นระดับซูเปอร์สตาร์ เข้ามากองอยู่ในเหล่าเดียวกัน จึงทำให้การจัดการของแต่ละคณะยักษ์ใหญ่ในแต่ละลีก ทำได้ง่าย อันส่งผลถึงฟอร์ม พร้อมด้วยมาตรฐานการเล่นของพวกเขาโดยตรง

   


    ในส่วนที่พรีเมียร์ลีก ชั่วโมงนี้ การมีคณะใหญ่ที่ขับเคี่ยวกัน 4 - 5. พวก ทำให้โอกาสที่จะมีคณะใดคณะหนึ่ง คว้าซูเปอร์สตาร์ไปครองแบบกระจุกอยู่ในหมู่เดียว เป็นไปแทบไม่ได้. 

   
และได้ส่งผลให้เวลาที่ต้องออกไปต่อกรกับกลุ่มจากลีกอื่นๆ ที่เชี่ยวชาญสะสมผู้เล่นเกรดเอ กับ เอบวก เอาไว้เพียบ เป็นไปได้ยากเย็นแสนเข็ญนัก.


    ซึ่งผมมองว่า เหตุผลตรงนี้ น่าจะรับกับสิ่งที่ พอล สโคลส์. พูดถึง นั่นก็คือ พรีเมียร์ลีก คือลีกที่มีการแข่งขันสูงสุด แต่ไม่ใช่ลีกที่มีมาตรฐานดีที่สุด.

    เรื่องจักจริงๆเท็จอย่างไร ก็อยู่ที่ความคิดเห็นของแต่ละคน ทว่า! ผลลัพธ์ที่ออกมานั้นแหละ บอกเล่าได้ชัดเจนถึงคำวิพากษ์วิจารณ์ของสโคลส์ ในครั้งนี้ครับ..

   
เรื่องเพราะว่า : เฮียนอส


ที่มา: http://sport.sanook.com/139321/

วันพุธที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2558

ข่าวฟุตบอลเก็บตกหงส์แดง?

ข่าวเก็บตกหงส์แดง?

 


วิเคราะห์บอล. หลังจากที่เจ๊ากันแบบไม่มีสกอร์ ในเกมที่ ลิเวอร์พูล. เปิดแอนฟิลด์เจอกับ แบล็คเบิร์น ในถ้วยเอฟเอ คัพ นั่นหมายถึงต้องเพิ่มภาระ เพิ่มเกมให้เป็นที่หนักหนาระอาใจ ในขณะเดียวกันลดความเป็นไปได้กับเป้าหมายคว้าแชมป์

ซึ่งเป็นอาการที่ค่อนข้างน่าผิดหวังด้วยแฟนหงส์แดง กลุ่มไม่หวือหวา โอกาสส่องประตูแบบจะแจ้งน้อยลงไปทันตาเห็น ไร้ความตื่นเต้นเหมือนเกมที่ลอดๆมา อาจจักก็เพราะว่าล้าหรืออะไรก็แล้วแต่ ทว่าถ้าต้องการประสบความสำเร็จต้องเด็ดขาดกว่านี้.

จากง่ายๆกลายเป็นยากซะงั้น...


ดูเหมือนจักเป็นเรื่องเข้าใจได้ในการโรเตชั่นนักเตะบางตำแหน่ง ทุกอย่าง เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ต้องคิดพร้อมกับจัดการแบบละเอียดละออ. นี่คือความยากซึ่งแต่ละหมู่รู้ปัญหานี้อยู่แล้ว เหตุผลที่ทีมใหญ่ๆทั้งหลายต้องสร้างขุมกำลังให้ใหญ่มากพอกับการรับมือเกมที่มากมายในแต่ละฤดูกาลก็เพราะว่าแบบนี้นี่แหละ.

 


ซึ่งนอกจากนี้เรื่องราวที่ยากขึ้นกว่าเดิมก็คือการมีเป้าหมายที่หลากหลาย ต้องลุ้นพื้นที่ท็อปโฟร์ให้ได้ ต้องไปให้ถึงแชมป์เอฟเอ คัพ. เพราะว่าฉะนั้นไม่มีทางใช้นักเตะชุดเดิมไม่ก็ชุดที่ดีที่สุดได้ตลอดเวลา

เพราะร็อดเจอร์ส นั้นก็จัดหมู่เกือบจะดีที่สุดของตัวเองก็เพราะว่ารู้ดีว่า คณะผีแดงเจอกับทีมอาร์เซนอล ต้องหายไปหนึ่งกรุ๊ป โอกาสของตัวเองจะเพิ่มมากขึ้น ในขณะที่อีกมุมหนึ่งคิดว่าในครั้นโอกาสเปิดขนาดนี้ใส่เต็มที่ไม่ต้องพักบางคนซะเลย

ถ้าจักพูดง่ายๆคือ เสมอในสถานการณ์หลังเกมแบบนี้ ทว่าความเป็นเป็นแน่แท้ก็คือ ลิเวอร์พูลเจองานที่ยากมากขึ้นแน่นอนกับการเล่นนัดรีเพลย์.

ถ้าจักเป็นแชมป์ต้องสู้แบบยิบตา...


เพราะวิเคราะห์ผลบอล.ที่เป้าหมายเป็นแชมป์ไม่มีทางสำเร็จได้หากไม่ทุ่มลงไปให้สุดๆ ครึ่งๆกลางๆ คืออันตราย เกมของ ฝ่ายลิเวอร์พูลแม้จะครองบอล.เป็นว่าเล่น แต่โอกาสจะแจ้งไม่ค่อยจักมีมากนัก.

 


เดินเกมช้าลงไปกว่าเดิมที่เคยเล่น ดูเนือยๆลงไป ในขณะเดียวกันแบล็คเบิร์นเตรียมตัวมาดี วางแผนมาค่อนข้างละเอียดเพราะคาดหวังเช่นเดียวกันว่าตัวเองจะไปเวมบลีย์ให้ได้.

พร้อมทั้งการคาดหวังถึงสิ่งที่จักได้มา.ต้องแลกกับความทุ่มเทพร้อมกับต่อสู้อย่างหนัก ข้อผิดพลาดของแต่ละพวกที่เกิดขึ้นจักแก้ไขกันอย่างไรในนัดรีเพลย์ต้องตามดูกันอีกครั้งครับ.

เรียกว่ายังคงไม่ดีพอ... 

สหรับสถิติชนะ 1 - 0. ของ เหล่าหงส์แดงในฤดูกาลนี้ถือว่าน้อยมาก นั่นถือว่าแต่ละเกมสมรรถสร้างสรรค์โอกาสพร้อมด้วยผลิตสกอร์ได้มากกว่า 1 ประตู. ถ้าคิดว่านี่คือมาตรฐานของฝ่าย เจอกับแบล็คเบิร์นคือต่ำกว่ามาตรฐานทันที

ด้วยกันเหตุผลที่พอจะยิบยกมาลบล้างได้บ้างก็คือแบล็คเบิร์นอยู่กลางตาราง. ไม่จำเป็นต้องดิ้นรนเพื่อหนีตกชั้น พร้อมกับไม่มีโอกาสที่จักเหน็ดเหนื่อยกับการลุ้นเลื่อนชั้น ก็เพราะว่าฉะนั้นเอฟเอ คัพ คือเป้าหมายใหญ่ที่สุดเพียงเป้าหมายเดียว.

ดังนั้น คณะลิเวอร์พูลต้องดีกว่านี้อย่างชัดเจนในนัดรีเพลย์ไม่อย่างนั้นมีโอกาสโดนสอยร่วงคาอีวู้ด ปาร์ค แน่นอนดูไฮไลท์ฟุตบอล.

ตัวของราฮีม สเตอร์ลิ่ง...


การเล่นในระบบ 3-4-2-1. ของ โค้ชเบรนแดน ร็อดเจอร์ส. ใช้ได้ผลดีมากๆ ช่วงหลายเดือนที่ตัดผ่านมา ทว่าบางช่วงเวลาเป็นประเด็นเช่นกันจนกระทั่งกุนซือหงส์แดงเสี่ยงที่จะไม่ทำในสิ่งที่ดีที่สุด ลาซาร์ มาร์โควิช พร้อมกับ เอ็มเร่ ชาน ปรับตัวกับสถานการณ์ได้ดีนั่นคือสิ่งที่เห็นกัน.

 

แต่ทว่า ราฮีม สเตอร์ลิ่ง กับบทบาทวิงแบ็คไม่ใช่เรื่องที่ดีที่สุดแน่นอนแม้ว่าเคยใช้บริการแบบนี้มาบ้างแล้ว การถอยลึกเพื่อเล่นเกมรับ การอยู่ห่างจากประตูคู่แข่งกับ แดเนียล สเตอร์ริดจ์ ประสิทธิภาพในเกมรุกคือสิ่งที่เสียไป.

ก็แน่ๆอยู่ที่ หมู่ลิเวอร์พูล มีตัวเร่ำลือกในเกมรุกหลายคนเพราะเฉพาะตัวริมเส้น แต่เพราะว่า ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ประโยชน์สูงสุดคือเกมรุกเท่านั้น บทบาทของวิงแบ็คที่จะต้องรับผิดชอบเกมรับด้วยไม่ใช่เรื่องดีสักเท่าไหร่.

ส่วนของคูตินโญ่ เงียบ ทำให้หงส์แดงเงียบ...

อันที่เป็นแน่แท้แล้วก็ไม่ถึงกับขนาดนั้น เพราะต้องอาศัยองค์ประกอบเพราะรวมของกลุ่ม ทว่าเท่าที่เห็นมาความเป็นไปได้เกิดขึ้นทันที เกมที่ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ไม่หวือหวาเล่นค่อนข้างเงียบ ฟอร์มของหงส์แดงจะแกว่งด้วยกันซบเซาลงไป.

เพราะว่าแข้งฟุตบอล.แซมบ้าคนนี้คือตัวปลดล็อกของพวกในช่วงเวลาที่เจาะไม่เข้า การยิงไกลนอกกรอบเขตโทษได้ผลมาหลายครั้ง ตราบแบล็คเบิร์นทำการบ้านมาดีพยายามไล่ตามปิดพื้นที่หน้ากรอบเขตโทษ อาวุธของหงส์แดงลดลงไปทันที.

 


ในครั้นเจาะไม่เข้า หน้ากรอบเขตโทษโดนปิดเส้นทาง คูตินโญ่. เล่นยากขึ้น เกมของหงส์แดงหงอยลงไป ไม่ชัดเจนในเรื่องของการเข้าทำแบบจะแจ้ง

เพราะว่าเกมในครึ่งหลังที่แอนฟิลด์ คูตินโญ่ ใส่ความพยายามลงไปมากขึ้น แต่โอกาสในการเจาะเข้าช่องหรือไม่ก็โอกาสส่องหน้ากรอบเขตโทษก็เกิดขึ้นไม่มากเท่าที่ควรจักเป็น

พร้อมกับแน่นอนครับทั้งหมดนั้นต้องให้เครดิตนักเตะแบล็คเบิร์นที่เล่นได้ตามแผนอย่างมีวินัย ภาพรวมๆของหงส์แดงที่ตกลงไปประจวบเหมาะกับการทำงานที่มีประสิทธิภาพของนักเตะแบล็คเบิร์น นัดรีเพลย์คือสิ่งที่สมควรด้วยประการทั้งปวง

ส่วนด้านมาริโอ บาโลเตลลี่...

โค้ชเบรนแดน ร็อดเจอร์ส อาจจักเคยส่งลงไปแล้วได้ผล ทว่าอาจจะเป็นหนึ่งในร้อย แฟนหงส์แดงอาจจักมีแนวคิดที่ไม่แตกต่างกันเท่าไหร่ในกรณีดังกล่าวคงรู้สึกได้ว่าถ้ากุนซือลิเวอร์พูลปลงใจส่ง อัลเบร์โต้ โมเรโน่ ลงไปวิ่งเป็นวิงแบ็กแล้วดัน สเตอร์ลิ่ง เล่นเกมรุกเต็มตัวในช่วงเวลาดังกล่าวน่าจักชัดเจนในเรื่องของการเข้าทำประตู.

โค้ชร็อดเจอร์ส อาจจักเห็นว่าพื้นที่ด้านหน้าให้ สเตอร์ลิ่ง ได้เล่นนั้นมีน้อยก็ได้ แต่อดเสียดายที่สุดท้ายแล้ว ร็อดเจอร์ส

ดามัน.

ที่มา: http://sport.sanook.com/137973/...

วันพุธที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ฟุตบอล: หงส์แดง คืนชีพ ได้อย่างสมบูรณ์

หมู่หงส์แดง คืนชีพ ได้อย่างสมบูรณ์



   
ศึกฟุตบอลท่ามกลาง. ฝนปรอยๆ. จาก เซนต์ แมรี่ส์ สเตเดี้ยม. กับ พวกลิเวอร์พูล. สามารถ ก้าวตัดผ่าน อีก 1 ความยากประจำฤดูกาลนี้ และทะลุบททดสอบสำคัญหลังบุกมาชนะเจ้าถิ่น หมู่เซาแธมป์ตัน 2 - 0. แบบสนุก ตื่นเต้น


ถ้าจะกล่าวถึง ตัวเลข ที่ถูกพูดถึงกันมากหลังเกม คือ การแซง กรุ๊ปสเปอร์ส ขึ้นอันดับ 6 เพราะว่ามีแต้มตามหลัง พวกนักบุญ ในอันดับ 5. พาง 1.  คะแนน

พร้อมทั้งยังอยู่ห่างพื้นที่เข้าเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อันดับที่ 3. เหล่าอาร์เซนอล. กับอันดับที่ 4 กรุ๊ปแมนฯยูไนเต็ด เหมือน 3. ด้วยกัน 2.คะแนนตามลำดับเท่านั้น.

ดังนั้นเปรียบกับสถานการณ์ขณะ 14 ธันวาคม. จาก ถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด ที่ ลิเวอร์พูล. บุกพ่าย ทีมปีศาจแดง 0 - 3 แล้วช่างต่างกันราวฟ้ากับเหว.

เพราะหลังเกมดังกล่าวที่กลายเป็นแมตช์สุดท้ายที่ พวกลิเวอร์พูล. พ่ายแพ้ในลีก ด้วยกันแมตช์สุดท้ายที่เสียประตูเกมเยือน กลุ่มลิเวอร์พูล มีแต้มห่างจาก หลุยส์ ฟาน ฮัล.พร้อมทั้งลูกพวกถึง 10 คะแนน

   


   
ในฤดูหนาวช่วงก่อนคริสต์มาสดังกล่าวดูไม่เป็นใจ พร้อมกับประสงค์จักคาดคิดว่า ฝ่ายลิเวอร์พูล นั้นจักเก็บชัยชนะได้ถึง 7 จาก 10 นัดภายหลังนั้นในพรีเมียร์ลีกเพราะว่าไม่ปราชัยใคร ด้วยกันทำอันดับ/แต้ม พุ่งขึ้นมาโซน UCL. ได้อย่างน่าทึ่ง.


พร้อมทั้งนั่นแหล่ะครับ.  ผมขอมอบ เครดิต. การตัดสินใจที่ถูกต้องของ แบรนแดน ร็อดเจอร์ส อย่างน้อยๆ 10 ประการมาฝากกันนะครับ.

ข้อที่ 1. ในการปรับมาเล่นระบบ 3 - 4 - 3 นับตั้งแต่นัดสุดท้ายที่จำนนในพรีเมียร์ลีกกับ กลุ่มแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พร้อมทั้งก็ทำได้ดีจาก ทรัพยากร ที่มีอยู่

ข้อที่ 2. ด้วยระบบดังกล่าว ร็อดเจอร์ส นั้นยังจับ เอมเร่ ชาน ดาวเตะเยอรมันจากมิดฟิลด์ไปยืนเป็นแกนหลัก 1 ใน 3 คนแนวรับ พร้อมกับก็ประสบความสำเร็จอย่างสวยงาม

ข้อที่ 3. เพื่อการให้โอกาสเจ้าหนู ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ได้กลับไปพักผ่อนที่จาไมก้าก่อนจักกลับมาทำผลงานได้ดีใน ศึกแคปิตอล วัน คัพ นัดตัดเชือกกับ ฝ่ายเชลซี จนกระทั่งทันที กับน่าจักเล่นดี / ยิงได้ไปจนจบซีซั่น

ข้อที่ 4. กรณีที่จู่ๆ กับเจ้าอีกดาวเตะวัย 19 ปี จอร์ดอน ไอบ์ มา แจ้งเกิด ทางฝั่งขวาในเกมสำคัญ ดาร์บี้แมตช์ กับเอฟเวอร์ตัน พร้อมกับเโจษกเป็นตัวหลักแซงหน้า เกล็น จอห์นสัน ที่หายเจ็บกลับมาแล้ว

   


   
ข้อที่ 5. ด้วยการสั่งพัก ซิมง มินโญเล่ต์ แบบ ไม่มีกำหนด พร้อมทั้งแม้จักกลับมาเร็วเกินคาดเพราะ แบรด โจนส์ ได้รับบาดเจ็บ ทว่า เวลาว่าง ที่หายไป ได้ทำให้นายด่านเบลเยียมกลับมา คืนฟอร์ม ได้อย่างเหฟุ้งเฟื่องเชื่อ


ข้อที่ 6. ในการการตกลงใจในเรื่องอนาคต สตีเว่น เจอร์ราร์ด ที่บังเอิญขณะนี้เจ็บ พร้อมทั้งกลายเป็นว่า พวกลิเวอร์พูล นั้นไม่จำเป็นต้องมีกัปตันเหล่าคนเก่งเป็นแกนหลักอีกแล้ว แม้ว่า บทจบ จะไม่ค่อยสวยงามนักก็ตาม

ข้อที่ 7. เพราะการ รับมือ ปัญหา มาริโอ บาโลเตลลี่ ที่แม้จักยังไม่ได้มีเครื่องพิสูจน์ว่า ประสบความสำเร็จ ทว่าผลงานของ ซูเปอร์มาริโอ ใน 3 นัดหลังไม่รวมนัดชนะ หมู่เซาแธมป์ตัน ดูกลับมา สดใส ขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับต้องยอมรับว่า แฟนบอลยังไม่ได้ยินปัญหาระหองระแหง หรือไม่เรื่อง งี่เง่า ๆ ของบาโลเตลลี่ เหมือนในอดีตกับเหล่าเก่าๆ ของเค้า

ข้อที่ 8. ในเรื่องของการจับ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง เป็นหน้าเป้าสไตล์ False No9 หลังเหล่าเจอปัญสมมติารเสียตัวหลักในการทำประตูอย่าง หลุยส์ ซัวเรซ พร้อมด้วย แดเนียล สเตอร์ริดจ์ จากการบาดเจ็บ ในขณะที่ ริคกี้ แลมเบิร์ต พร้อมกับ มาริโอ บาโลเตลลี่ ยังคลำฟอร์มเก่งไม่เจอ

ข้อที่ 9. การรีดพลัง เฟลิเป้ คูตินโญ่ ให้ฟื้นคืนชีพ ด้วยกันกลายเป็นกำลังหลักของกลุ่มในระบบกองหน้า 3 ตัว ทุกวันนี้ ดาวเตะบราซิเลียน ถือเป็นนักเตะที่ฝ่ายขาดไม่ได้ กับลงเป็นตัวแน่นอนติดต่อกันมา 19 นัดแล้ว โดยมีถึง 17 นัดที่เล่นครบ 90 นาที

ข้อที่ 10. เพราะเกมรับที่มี มาร์ติน สเคอร์เทล กลับมาระเบิดฟอร์มเหนียวอีกหน กำลังสร้างสถิติไม่เสียประตูในเกมเยือนได้ถึง 469.นาที ไม่ใช่หรือกว่า 5. นัด

ซึ่งนับว่าดีที่สุดนับจากยุค ปี 1985. จาก อลัน แฮนเซ่น – มาร์ค ลอว์เรนสัน ที่ กลุ่มลิเวอร์พูลไม่เสียประตูเกมเยือนติดต่อกัน 5. นัด

   


 
เหตุด้วย เกมกับ พวกเซาแธมป์ตัน. แม้จักประเด็น ฮอต ไม่จำนนกันกับการตัดสินของ เควิน เฟรนด์. ที่ ไม่ยอม จุดโทษเจ้าบ้าน 3 ครั้ง พร้อมกับอาจจักเป็น ใบแดง อีก 2 หนจนเจ้าถิ่นไม่ได้ประโยชน์ใดๆจากการตัดสิน


แต่ One – nil to the referee. คือ เสียงร้องแฟนๆ นักบุญ ตอนพักครึ่งส่งถึง เฟรนด์ อันหมายถึง เหล่าลิเวอร์พูล นำ  1 - 0 ในครึ่งแรกเพราะกรรมการ.

ซึ่งถ้าจักพิจารณาแต่ละนาที แม้จะรายงานในสไตล์ โจเซ่ มูรินโญ่ :

   
  • ในนาทีที่ 1. ฟิลิป ยูริซิช โดน เอมเร่ ชาน เหนี่ยวในเขตโทษ ซึ่งน่าจักเป็นจุดโทษ พร้อมด้วยใบแดงด้วยดาวเตะสายเละบือดเยอรมัน
  • ในนาทีที่ 4. ยูริซิช โดน โจ อัลเลน สอยคว่ำแบบไม่โดนบอลในเขตโทษ แต่ก็ไม่ได้จุดโทษเช่นกัน
  • ในนาทีที่ 44. เดยัน ลอฟเรน ทำแฮนด์บอลชัดเจน แต่ เฟรนด์ ก็ไม่เห็นอีกเช่นเคย
  • กับปิดท้ายนาทีที่ 45. ซิมง มินโญเล่ต์ ออกมาตัดบอล แล้วก้ำกึ่งจักแฮนด์บอลนอกกรอบเขตโทษที่มีสิทธิ์โดนใบแดง แต่ผลการตัดสินก็เหมือนเดิม
  ด้วยกันทันทีที่เป็นดังนั้นก็ไม่แปลกครับเกี่ยวกับเสียงตะโกน One – nil to the referee.

   


   
ในขณะที่ กลุ่มลิเวอร์พูล เองมี 1 เหตุการณ์นาทีที่ 31 ซึ่ง สเตอร์ลิ่ง โดน โจเซ่ ฟอนเต้ สกัดทั้งบอล พร้อมทั้งคนในเขตโทษให้ได้ โต้แย้ง แต่ส่วนตัวผมมองว่า ดอกนี้ ฟอนเต้ โดนบอล จึงขอยกผลประโยชน์ให้จำเลย.


เพื่อทุกเหตุการณ์ข้างต้น มองในมุมการตัดสินได้ 2 ประการ. คือ :

   
  • ข้อที่ 1. สมมุติ เควิน เฟรนด์ ไม่แน่ใจก็ เหมาะสม แล้วที่ไม่ให้จุดโทษจากทั้ง 4 เหตุการณ์ข้างต้นที่ ให้ได้ เหรอ ไม่ได้ ไล่มินโญเล่ต์ ออกไป
  • ข้อที่ 2. มัน ไม่เหมาะสม อย่างแรง เพราะในมุมนี้จักมองว่า เฟรนด์ ไม่ทันเกม พร้อมกับตัดสินผิดพลาดบ่อยครั้งอย่างเหร่ำลือเชื่อในแมตช์เดียว

มาถึงระยะนี้ เหล่าลิเวอร์พูล เตรียมตบเท้าเข้ารอบตัดเชือกเอฟเอ คัพ ในรอบ 8 เหล่าได้เจอ กลุ่มแบล็คเบิร์น ในแอนฟิลด์ พร้อมด้วยในขณะที่ในบอลลีกก็ถือว่า คณะหงส์ คัมแบ็กได้แล้วอย่างเป็นทางการ

พร้อมทั้งนี่ช่างเป็นการ คืนชีพ ที่เหโจษจันเชื่อ พร้อมทั้งแบรนแดน ร็อดเจอร์ส คู่ควรกับเครดิตสุทธิ ๆ ครับ

   
ไข่มุกดำ.


ที่มา: http://sport.sanook.com/134833/

วันศุกร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2558

ข่าวฟุตบอลพรีเมียร์ลีกการนั่งประธานฟีฟ่าของฟิโก้และเบลลั่นไม่ซบผี

เฮียมูหนุน หลุยส์ ฟิโก้ นั่งประธานฟีฟ่าพาวงการฟุตบอลแจ่มชัวร์





หลังจากที่ โค้ชโชเซ่ มูรินโญ่.ออกโรงเชียร์รุ่นน้องร่วมชาติอย่าง หลุยส์ ฟิโก้. ที่จะได้คว้าตำแหน่งประธานฟีฟ่า. เผยเชื่อว่าเจ้าตัวจะทำให้วงการฟุตบอลขาวสะอาดและดีขึ้นกว่าเดิม.

นั่นอาจจะเรียกได้ว่าสร้างความฮือฮา. ไม่น้อยสำหรับ หลุยส์ ฟิโก้.ที่เป็นอดีตแข้งดังของ.

  • ทีมบาร์เซโลน่า. 
  • ทีมเรอัล มาดริด.
  • ทีมอินเตอร์ มิลาน. 

ที่เขานั้นได้ออกมาประกาศท้าชิงตำแหน่งประธานสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ. หรือ ฟีฟ่า.

จนแล้วจนเล่า ล่าสุด. โค้ชโชเซ่ มูรินโญ่.กุนซือใหญ่ของ ทีมเชลซี. ที่ได้ออกมาสนับสนุนให้เจ้าตัวคว้าตำแหน่งนี้อีกคน เพราะเชื่อว่าอดีตแข้งดังจะทำให้วงการฟุตบอลดีขึ้นกว่าเดิม.

เขานั้นกล่าวว่าผมเชื่อว่า.หลุยส์ ฟิโก้ นั้นจะสามารถพาวงการฟุตบอลก้าวไปข้างหน้าได้ดี.  ประสบการณ์ตลอดชีวิตการเป็นนักฟุตบอลของเขาจะช่วยทำให้อนาคตของวงการฟุตบอลดูดีกว่าที่เคย.

โดยที่ผมเชื่อมั่นในตัวเขาและเขาก็มีความมุ่งมั่นที่จะทำในตรงนี้. หากเขาได้เป็นประธานเขาจะเป็นประธานที่โฟกัสเฉพาะฟุตบอลเท่านั้น.  และโอกาสที่จะทำให้วงการฟุตบอลไปในทางที่ดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน มูรินโญ่ กล่าว.


ประกาศหยุดลือเสียที! เบล ลั่นเองไม่ย้ายซบ ทีมผีแดงแน่นอน




หลังจากที่ แกเร็ธ เบล.ปีกตัวจี๊ดของ ทีมราชันชุดขาว เรอัล มาดริด. ออกมายืนยันว่ายังมีความสุขกับทีม และไม่เคยคิดย้ายไปร่วมทัพ ทีมแมนฯ ยูไนเต็ด. แน่นอน.

โดยหลังจากที่เขา ตกเป็นข่าวเชื่อมโยงกับทีม ทีมปีศาจแดง ของศึกพรีเมียร์ลีก. มาโดยตลอดสำหรับ แกเร็ธ เบล ปีกวานรของ เรอัล มาดริด.  ล่าสุดออกมายืนยันว่าไม่คิดที่จะย้ายไปร่วมทัพกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ตามที่เป็นข่าว พร้อมยืนยันยังแฮปปี้กับราชันชุดขาว.

และแม้ว่าก่อนหน้านี้. ที่อดีตปีกตัวเก่งของ ทีมสเปอร์ส. ตกเป็นข่าวว่าอาจถูกปล่อยตัวออกจากทีมเพื่อย้ายไปร่วมทัพ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำให้เจ้าตัวทนกระแสข่าวดังกล่าวไม่ไหว จึงออกมายืนยันด้วยตัวเองว่าไม่เคยคิดที่จะย้ายไปร่วมทัพทีมปีศาจแดงเลย.  และยังมีความสุขกับ ทีมเรอัล มาดริด อยู่ สัญญาก็ยังมีอีกหลายปี ไม่ย้ายไปไหนแน่นอน.

ตัวของผมแทบจะนึกภาพตัวเองลงเล่นให้กับ. ทีมแมนฯ ยูไนเต็ด.ไม่ออกเลย ในการสัมภาษณ์ทุกครั้งที่ผ่านมา ผมก็ยังยืนยันเสมอว่ายังมีความสุขกับ เรอัล มาดริด และผมจะถูกถามคำถามนี้มาโดยตลอด. ผมยังมีสัญญากับทีมอีกหลายปีและกำลังสนุกกับการที่ได้ลงเล่นที่นี่ ผมจะอยู่ที่นี่เพื่อคว้าแชมป์กับทีมต่อไปอย่างแน่นอน แกเร็ธ เบล กล่าว.


ทีมคริสตัล พาเลซ คว้าอเมโอบี้เสริมคมฟรีค่าตัว




ซึ่งโปรแกรมบอลอลัน พาร์ดิว กุนซือป้ายแดงของ. ทีมคริสตัล พาเลซ. จัดการดึงตัว โชล่า อเมโอบี้ กองหน้าวัย 33 ปี. มาร่วมงานกันอีกครั้ง หลังเคยร่วมงานกันมาแล้วครั้งหนึ่งสมัยที่ยังอยู่กับ ทีมสาลิกาดง นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด.

หลังจากที่. ทีมปราสาทเรือนแก้ว คริสตัล พาเลซ. จัดการคว้าตัว โชล่า อเมโอบี้ กองหน้าตัวเก๋าวัย 33 ปี. มาเสริมทัพแบบไม่มีค่าตัวเรียบร้อย โดยจะได้ร่วมงานกับ อลัน พาร์ดิว อีกครั้ง หลังเคยร่วมงานกันมาแล้วในถิ่นเซนต์ เจมส์ ปาร์ค ของนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด.

โดยที่แข้งวัย 33 ปี. นั้นได้กลายเป็นนักเตะไร้สังกัด. หลังเพิ่งจะยกเลิกสัญญากับกาเซียนเทปสปอร์ ทีมในลีกตุรกี ไปเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา.ซึ่งก็มี ทีมฮัลล์ ซิตี้ และ ทีมเวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน . สนใจคว้าตัว แต่สุดท้ายเจ้าตัวก็เลือกไปอยู่กับอดีตนายใหญ่อีกครั้งที่ ทีมคริสตัล พาเลซ.


วันศุกร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2558

ศึกโปรแกรมพรีเมียร์ลีกอังกฤษ สิงห์บลูจะโหดแบบนี้ตลอดไหม

เรียกได้ว่าPerfect Blueแท้จริงๆ





เพราะศึกพรีเมียร์ลีก.ฤดูกาลนี้คงไม่สนุกเหมือนปีที่แล้วเหรออีกหลายปีที่ลอดมาครับ.

เพราะว่าว่าทุกอย่างได้เดินกลับเข้าสู่วัฏจักรของมันในกำมือของมูรินโญ่ อีกครั้งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว.

เพราะว่าในเกมที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ เป็นอีกหนึ่งนัดที่น่าเบื่อมากที่สุดของพรีเมียร์ลีก ครั้งเหล่าเชลซี ปิดเกมเหนือ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ได้ตั้งแต่ 25.นาทีแรก จาก 2.  ประตูของคีย์แมนอย่าง 1. ดีเอโก้ คอสต้า พร้อมด้วย 2.เอเด็น อาซาร์



ด้วยว่า หมู่เดอะ แบ็กกี้ส์ ร่วมฝังตัวเองด้วยใบแดงที่โง่เง่าของ เคลาดิโอ ยาค็อบ ภายหลังประตูที่ 2 ของอาซาร์ เช่นแค่ 5 นาทีเท่านั้น.

ซึ่งอันที่แน่แท้แล้ว ทีมเวสต์บรอม.ฯ นั้นไม่ได้ตั้งใจจักมายกธงขาวแต่อย่างใดครับ เพราะว่าวิเคราะห์บอลจากแผนการเล่นแล้วพวกเขาให้ความสำคัญอันดับหนึ่งกับการหยุดหัวหอกพระกาฬอย่าง คอสต้า ให้ได้ด้วยการวางกองหลัง เข้ามารุม คนเดียว 3 ตัว.

เพราะว่าถ้าคิดในทางทฤษฎีนั้นพอเข้าใจได้เหตุด้วยแผนฟุตบอลของ อลัน เออร์ไวน์ แต่ในทางปฏิบัติแล้วเป็นไปได้ยากครับ เพราะว่าคอสต้า เป็นกองหน้าที่มีความสมรรถหลากหลาย ไม่ได้เป็นแค่ Fox in the Box. เหมือนกองหน้าในยุคโบราณ.



สิ่งที่อยู่นอกเหนือจากความแข็งแกร่งกับสัญชาติญาณในการล่าตาข่ายที่ยอดเยี่ยมแล้ว คอสต้า ยังมีความเร็วพอสมควร มีลูกบ้าเพราะว่าเป็นคนกล้าหาญ ทักษะการเล่นที่ใช้ได้ วิ่งหาตำแหน่งได้ดี ด้วยกันสิ่งสำคัญที่สุดคือมีความเข้าใจในการเล่นสูงมาก.

ดูจากฟอร์มของคอสต้าแล้วอดเสียไม่ได้ครับเหตุด้วย คณะลิเวอร์พูล.ที่พลาดตัวไปในฤดูกาลที่แล้วเพราะนักเตะไม่ต้องการจะขนมาฝ่ายที่มีความทะเยอทะยานไม่เท่ากับเขา.

สิ่งที่น่าเสียดายแทนกรุ๊ปชาติสเปน ในศึกฟุตบอลโลก.ด้วยว่า คอสต้า นั้นอยู่ในสภาพร่างกายที่สมบูรณ์พวกเขาอาจจะไว้ลายในฐานะแชมป์เก่าได้ดีกว่านี้.

กับเรื่องนี้ก็น่าสนใจครับก็เพราะว่า มูรินโญ่ ที่เพิ่งจะประกาศว่าดาวยิงหน้าย่นถนอมร่างกายจนกลับมามีสภาพที่สมบูรณ์อีกครั้ง หลังจากที่บาดเจ็บติดพันกันมาเป็นระยะเวลานาน ซึ่งเกี่ยวกับ ทีมเชลซี ถ้าเป็นแน่แท้ถือว่าเรื่องนี้เป็นข่าวดีมาก พร้อมด้วยเช่นกันกับเป็นข่าวร้ายของคู่แข่งทุกพวก.



นั่นเพราะว่า. สิ่งนั้นหมายถึงโอกาสที่สถานการณ์ในศึกพรีเมียร์ลีกจะดำเนินไปแบบนี้เรื่อยๆ นั้นมีสูงมาก

เกี่ยวกับ คณะเชลซี นั้นไม่จำเป็นต้องใช้พวกเวิร์คที่โดดเด่นหวือหวาเหมือน ฝ่ายบาร์เซโลน่า เหรอ กลุ่มบาเยิร์น มิวนิค แต่เน้นการเล่นที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งด้วยเกมรุกของ.

  • คอสต้า.
  • อาซาร์.
  • ออสการ์. 
  • วิลเลี่ยน. 
  • เชส ฟาเบรกาส. 


นั่นทำให้ทีมแทบไม่มีทางตัน.

ซึ่งก็อาจมีบ้างในกลุ่มที่เกมรับดีที่ทำได้จักหยุดแนวรุกของเชลซีได้ แต่ไม่ใช่กับคณะส่วนใหญ่.

กับมีพ่างฝ่ายส่วนน้อยเท่านั้นที่จักมีปัญญาเจาะเกมรับของ กลุ่มเชลซีได้ ซึ่งก็ไม่ใช่หมู่ส่วนใหญ่อีกเช่นกัน.


วิเคราะห์ผลบอล. สำหรับ แผนที่เรียกว่าเออร์ไวน์ ที่ใช้กองหลัง 3 คนรุมคอสต้า ป้องกันพวกเขาได้แค่ 11.  นาทีแรกเท่านั้น ก่อนที่ ออสการ์ จักเปิดบอลให้กับ คอสต้า แม้จะเป็นจังหวะก้ำกึ่งว่าจักล้ำหน้าไม่ใช่หรือไม่ แต่สำหรับคอสต้า หน้าที่ของเขามีแค่การส่งบอลเข้าตุงตาข่าย ซึ่งเขาทำได้ไม่ผิดพลาด เป็นประตูที่ 11 ในฤดูกาลนี้ของเขา.

เพราะที่ประตูนี้แทบปิดที่บังตาเกมแล้ว เพราะว่าเวสต์บรอมฯ รู้ตัวว่าพวกเขาไม่มีความอาจจะทวงคืนได้แน่แม้ไม่มีเหตุการณ์พิเศษในเกม พร้อมด้วยมันก็เป็นเช่นนั้นแน่แท้ ซึ่งเกมจบลงกับประตูที่ 2 ของอาซาร์ ในนาทีที่ 25.

ซึ่งหลังจากนั้นนักเตะ พวกเชลซี มีหน้าที่เช่นประคองสถานการณ์ให้จบเกมเพราะว่าที่ไม่โดนแฟนบอลตัวเองด่ามากนักว่าไม่คุ้มค่าตั๋วที่แพงระยับ ซึ่ง มูรินโญ่ ก็ออกมาโวยวายตามประสาครับว่าฉุนเฉียวที่ลูกทีมผ่อนคันเร่งเกมเร็วเกินไป.

แต่จักมีใครก็รู้ว่าในเบื้องหลังแล้ว จอมอหังการผู้นี้กำลังแสยะยิ้มอยู่ในใจ

และนั่นพร้อมทั้งชัยชนะที่ได้มาอย่างง่ายดายนัดนี้ทำให้พวกเขาคว้าชัยชนะนัดที่ 10 จาก 12 นัด

โดยที่ยังไม่พ่ายใครมี 32.คะแนนขยับหนีห่างรองจ่าฝูง หมู่เซาแธมป์ตัน ซึ่งยังไม่ลงสนาม เป็น 7 คะแนน





แต่ในขณะที่พวกคู่แข่งอื่นๆ. ในระดับใกล้เคียงกันที่มีศักยภาพพอจะลุ้นแชมป์ด้วยได้ ซึ่งไม่น่าจะใช่คณะเซาแธมป์ตัน แน่นอน ก็ต้องขอโทษแฟนนักบุญด้วยครับที่เรียนตามตรง คือ คณะแมนเชสเตอร์ ซิตี้ นั้นตามมาอย่างห่างๆ กับช่องว่าง 8.  คะแนนมี 24. คะแนน

ซึ่งอันดับถัดมาคือ ทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ได้กลับมาติดกลุ่มท็อปโฟร์ได้อีกครั้งทั้งที่ปัญหารุมเร้ามากมายมี 19. คะแนน

ถ้าแม้จักประเมินสถานการณ์ไฮไลท์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก. ก็ดูเหมือนว่าไม่มีอะไรที่สั่นคลอนบัลลังฝ่ายเชลซีได้ในระดับเดียวกับที่ หมู่ลิเวอร์พูล ประสบปัญหาต้องคำสาปในฤดูกาลนี้ พวกเขาจักเป็นแชมป์อย่างง่ายดาย พร้อมทั้งจักเป็นการคว้าแชมป์ในสไตล์ ม้วนเดียวจบ กับการนำตั้งแต่ต้นจนจบฤดูกาลเสียด้วย

ปาง เข็มนาฬิกาเดินต่อไป วันในปฏิทินยังหยุดที่ปลายเดือนพฤศจิกายน ซึ่งมันอาจเร็วไปที่เราจะยอมยกทุกอย่างให้กับ พวกเชลซี เวอร์ชั่น มู 2.



ถ้าหากแต่เพราะว่าพวกเขาคือ พวกเชลซี ภายใต้การนำของจอมอหังการนี่แหละครับที่ทำให้เราเชื่อได้ง่ายขึ้นว่ามันมีโอกาสเป็นเช่นนั้น.

แต่ว่าอย่างไรก็ดี คำถามสำคัญคือในความ สมบูรณ์แบบ นั้นมูรินโญ่ จะรักษามันได้ยืนยาวแค่ไหน

โดยกับพวกเขานั้นจักกลายเป็นทีมที่ 2 ที่สร้างตำนาน ไร้พ่าย ได้เหมือนเหล่า ทีมอาร์เซนอลได้หรือไม่ไม่?

สำหรับคำถามนี้น่าจักสำคัญกว่า พวกเขาจักคว้าแชมป์ได้หรือไม่เปล่าอีก?

เรื่องเพราะ ลูกแม่กิ่ง.

เมสซี่ซัดสามประตูสถิติใหม่ 253 ลูกของทีมบาร์ซ่าถล่มทีมเซบีย่าเละ5-1+คลิป




ฟุตบอลลาลีกา สเปน 2014-2015 นัดที่ 12


  • แข่งวันเสาร์ที่ 22 พฤศจิกายน 2557
  • กลุ่มบาร์เซโลน่า 5-1 หมู่เซบีย่า
  • แข่งที่สนาม : คัมป์ นู. 
  • กรรมการผู้ตัดสิน : การ์ลอส กลอส โกเมซ.


โดยในนาที 21 เจ้าบ้านได้ประตูก่อนจาก ลิโอเนล เมสซี่ ปั่นลูกฟรีคิกหน้าเขตโทษด้วยซ้ายข้ามกำแพงเข้าประตูไปอย่างสวยงาม 1-0.

ซึ่งนาทีที่ 47 เหล่าเซบีย่า นั้นมาได้ประตูตีเสมอ 1-1 จาก บีโตโล่ เปิดบอลจากเส้นหลังด้านซ้ายแล้วไปโดน จอร์ดี้ อัลบา สกัดเข้าประตูตัวเองเสีย

ต่อมานาทีที่ 49 เหล่าบาร์ซ่า ขึ้นนำอีกครั้งตราบ ชาบี้ เอร์นานเดซ เปิดลูกนิ่งหน้าเขตโทษมาให้ เนย์มาร์ ได้ขึ้นโหม่งเช็ดเข้าประตูไปเป็น 2-1.

และหลังจากนาทีที่ 65 ฝั่งเจ้าบ้านมาได้ประตูที่สามจาก หลุยส์ ซัวเรซ ได้บอลเส้นหลังด้านขวาก่อนหยอดโด่งไปเสาไกลให้ อีวาน ราคิติช เข้าโหม่งตุงตาข่าย 3-1.

ในช่วงต่อมานาทีที่ 72 ทีมบาร์เซโลน่า นั้นได้ทำประตูหนีห่างเป็น 4-1 จนกระทั่ง เนย์มาร์ ตั้งใจจ่ายให้ หลุยส์ ซัวเรซ แต่กลายเป็น ลิโอเนล เมสซี่ ขอตัดหน้ายิงเข้าไป

ซึ่งนาทีที่ 78 เจ้าถิ่นมาได้ประตูที่ 5 จาก ลิโอเนล เมสซี่ ที่ส่งบอลให้ เนย์มาร์ แล้วแตะคืน เมสซี่ ซัดด้วยซ้ายเข้าไปตุงตาข่าย 5-1

และทำให้จบเกม 90 นาที กรุ๊ปบาร์เซโลน่า นั้นเปิดบ้านเอาชนะ กลุ่มเซบีย่า ไปขาดลอยผลฟุตบอล 5-1 พร้อมทั้งคว้าสามแต้มในนัดนี้ไป

มาดูสารบาญของผู้เล่นทั้งสองพวก

หมู่บาร์เซโลน่า : ระบบ 4-3-3.

1.ตำแหน่งผู้รักษาประตู :
  • เคลาดิโอ บราโว่


2.ตำแหน่งกองหลัง :
  • ดาเนียล อัลเวส
  • เคราร์ด ปิเก้
  • เฌเรมี มาติเยอ
  • จอร์ดี้ อัลบา


3.ตำแหน่งกองกลาง. :
  • ชาบี้ เอร์นานเดซ
  • เซร์คิโอ บุสเก็ตส์
  • อีวาน ราคิติช


4.ตำแหน่งกองหน้า :
  • หลุยส์ ซัวเรซ
  • ลิโอเนล เมสซี่
  • เนย์มาร์


ฝ่ายเซบีย่า : ระบบ 4-2-3-1.

1.ตำแหน่งผู้รักษาประตู :
  • เบโต้


2.ตำแหน่งกองหลัง :
  • โกเก้
  • นิโกลาส ปาเรฮา
  • ดาเนียล การ์ริโซ่
  • ดิโอโก้ ฟิกูเอราส


3.ตำแหน่งกองกลาง :
  • เอแวร์ บาเนก้า
  • เกอร์เซกอร์ซ ครีโชเวียค
  • อเล็กซ์ บีดาล
  • เดนิส ซูอาเรซ
  • บีโตโล่


4.ตำแหน่งกองหน้า :
  • การ์ลอส บักก้า



วันอังคารที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกการสู้รบศึกแดงเดือดเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 1894

Red Fight พระราชพงศาวดารศาสตร์สงครามลูกหนังแดงเดือดแห่งเกาะอังกฤษ




ถ้าจักวิเคราะห์ผลบอล.เอ่ยปากถึงความเป็นปฏิปักษ์กันระหว่าง ทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พร้อมทั้ง หมู่ลิเวอร์พูล ซึ่งก็เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วในวงการฟุตบอลว่านี่คือหนึ่งในคู่ปรับที่มีประวัติศาสตร์สืบเนื่องมาอย่างยาวนานร่วม ร้อยปี.

ถึงแม้จักใช้สีเดียวกันเป็นสีบ่อยๆสโมสรก็ตาม. แต่เป็นแดงคนละเฉด แดงคนละความบอก.

ซึ่งราวกับว่าทั้งสองกลุ่มนี้เกิดมาเพื่อแข่งขัน. ประชัน กับชิงชังซึ่งกันพร้อมด้วยกันตลอดเวลาก็ว่าได้.

ซึ่งถ้าจักหลักฐานตามความเป็นมาลูกหนัง. ของทั้งสองคณะ ที่ผูกด้ายแดงแห่งโชคชะตาเอาไว้ตั้งแต่สมัยที่ เหล่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด. ยังใช้ชื่อเดิมว่า นิวตัน ฮีธ. ด้วยกัน คณะลิเวอร์พูล เพิ่งแยกตัวจาก เหล่าเอฟเวอร์ตัน มาก่อตั้งสโมสรใหม่ เพราะว่าการพบกันครั้งแรกเกิดขึ้นจนถึงวันที่ 28 เมษายน ปี 1894 ฝ่ายลิเวอร์พูล เอาชนะ คณะนิวตัน ฮีธ ไปได้ 2 - 0.




1.แมนฯ ยูไนเต็ด ถ่ายไว้ครั้งปี 1910.

หลังจากนั้นในปี 1910. เหล่านิวตัน ฮีธ ซึ่งได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น กรุ๊ปแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ลงรับมือกับ ฝ่ายลิเวอร์พูล เป็นครั้งแรกที่ถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด โดยเกมนี้ถูกบันทึกว่าเป็นจุดริเริ่มต้นประการเป็นทางการของความขัดแย้งระหว่างทั้งสองทีม.

เพราะที่ในเมื่อนั้น ฝ่ายลิเวอร์พูล. ยังเป็นฝ่ายที่เอาชนะไปได้ 4 - 3.


แม้กระนั้นว่าอย่างไรก็ดีในตอนนั้น. การขับเคี่ยวระหว่างสองที่พักผ่อนยังไม่รุนแรงมากนัก แต่ในหมู่ชาวเมือง แมนคูเนียน พร้อมทั้ง เมืองลิเวอร์พัดเลียน นั้นมีความไม่ถูกกันอยู่ อันเป็นผลสรุปสืบเนื่องตั้งแต่สมัยปฏิวัติอุตสาหกรรม.เพราะว่าเดิม เมืองแมนเชสเตอร์ เป็นภาราที่ขึ้นชื่อในข้อความสำคัญของสิ่งทอ ขณะที่ เมืองลิเวอร์พูล เป็นเมืองท่าสำคัญของด้าวอังกฤษ.




2.บิลล์ แชงค์ลี่ย์ กับ บูธรูม ถ่ายไว้เท่าที่ปี 1960.

พางแต่ทุกอย่างเปลี่ยนไปทันทีที่มีการขุดคลองที่ เมืองแมนเชสเตอร์ ทำให้ดรณีต่างๆ ได้เคลื่อนย้ายจากการเทียบท่าที่ เมืองลิเวอร์พูล มาเปรียบเทียบท่าที่ เมืองแมนเชสเตอร์แทน พร้อมกับทำให้ เมืองลิเวอร์พูล ตกต่ำลงอย่างรวดเร็วจนน่าใจหาย.

ซึ่งการขับเคี่ยวเพื่อการเป็น สโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอังกฤษ ได้โหมโรงรุนแรงขึ้นในช่วงทศวรรษที่ 70 คราวฝ่ายแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประสบความสำเร็จในการเป็นสโมสรอังกฤษแห่งแรกที่คว้าแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ ได้ ในปี 1968

แต่ว่าภายหลังนั้น เมืองลิเวอร์พูล ได้ผงาดขึ้นมาผูกขาดความเสร็จสิ้นอย่างต่อเนื่องในยุคเรืองรองสืบเนื่องจาก บิลล์ แชงคลีย์ จนถึงช่วงเวลาของ เคนนี่ ดัลกลิช เป็นเวลากว่า 2 ทศวรรษ

และก่อนที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่เป็นยิ่งใหญ่บุรุษจากสกอตแลนด์ จักพลิกชะตาที่ตกต่ำของเหล่าอสูรแดง ให้กลับมาเป็นมหาอำนาจของวงการฟุตบอลระดับโลก จนแซงหน้า ฝ่ายลิเวอร์พูล ในทุกด้านใน 2 ทศวรรษที่ทะลวงมา

ซึ่งความสำเร็จที่สำคัญที่สุดคือการพาคณะคว้าแชมป์ลีกแซงหน้า เหล่าหงส์แดง ที่เคยครองอันดับหนึ่งด้วยการ

  1. คว้าแชมป์ดิวิชั่น 1 แบบเดิม 18 ระยะเวลา. 
  2. คว้าแชมป์ลีกกาลเวลาที่ 19.
  3. ปัจจุบันกาลเวลาที่ 20.


ทำให้ทีคมลิเวอร์พูล ต้องชูเรื่องความสำเร็จในเวทียุโรปกับสถิติการเป็นเหล่าจากอังกฤษที่คว้าแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ ตึดตื๋อที่สุด 5 คราวแทน.




3.ฝ่ายนึงเป็นแชมป์ยุโรป 5 เวลา พร้อมกับอีกฝ่ายเป็นแชมป์ลีกสูงสุด 20 ครั้ง. 

ก็จะเห็นได้ว่าความขัดแย้งระหว่าง.ทั้งสองสโมสรนั้นสืบสัมพันธ์กันมาช้านานแล้ว พร้อมกับรายละเอียดที่นำเสนอนั้นเป็นปางแค่โดยสังเขปเท่านั้น

และถึงแม้ว่าสถานการณ์ในยามนี้ของทั้งสองสโมสรจักตกต่ำลงจากอดีตอยู่บ้าง เพราะว่าเฉพาะ พวกลิเวอร์พูล ที่ย่ำแย่อย่างน่าใจหายในระยะเวลาอันรวดเร็ว ขณะที่ ทีมยูไนเต็ด ยังอยู่ระหว่างการเดินทางกลับสู่ความสำเร็จ.

พร้อมด้วยก็ใช่ว่าความน่าสนใจของการพบกันระหว่างทั้งสองทีมจักลดน้อยถอยลงไป

เพราะขึ้นชื่อว่าศึก เรด ไฟท์.

ก็ย่อมไม่เคยมีใครยอมใครอยู่แล้ว.

=============

ศึก Red Fight ในตำนาน.

ปี 1977. - นัดชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ




เพราะด้วยทั้งสองกรุ๊ปพบกันครั้งแรกในเกมนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลถ้วย เพราะว่าเวลานั้น ฝ่ายลิเวอร์พูล หวังคว้า ถ้วยเทรเบิลแชมป์ เพราะได้แชมป์ลีกแล้ว รอคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ต่างว่าชนะ ทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และจ่อเข้าชิง ศึกยูโรเปี้ยน คัพ ครั้งแรกกับ คณะโบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค.ด้วย

แต่ว่า สจ๊วร์ต เพียร์สัน กับ จิมมี่ กรีนฮอฟฟ์ ได้ดับฝันหงส์แดง ด้วยชัยชนะ 2 - 1.  ของเหล่าฝ่ายปีศาจแดง

ปี 1983 นัดชิงชนะเลิศ ลีก คัพ.




กรุ๊ปลิเวอร์พูล ได้ล้างแค้นได้สำเร็จในอีก 6.ปีต่อมา เท่าที่เอาชนะ เหล่าแมนฯ ยูไนเต็ด ได้ 2 - 1 ในเกมนัดชิงชนะเลิศ ลีก คัพ จากประตูของอลัน เคนเนดี้ กับรอนนี่ วีแลน แม้ว่า นอร์แมน ไวท์ไซด์ จักยิงนำให้เหล่ายูไนเต็ดได้ก่อนก็ตาม.

นั่นทำให้หงส์แดง คว้าแชมป์ลีก คัพ เป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกัน พร้อมด้วยเป็น โทรฟี่ใบสุดท้ายของบ็อบ เพสลีย์ ก่อนจะอำลาวงการ ส่งทะลุงานต่อให้โจ เฟนแกน ศิษย์ บูทรูม รุ่นถัดจากนั้นรับช่วงต่อ.


ปี 1994. ศึกตารางคะแนนพรีเมียร์ลีกล่าสุด.




กลุ่มแมนฯ ยูไนเต็ด นั้นกำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของยุคทอง พร้อมกับเป็นฝ่ายออกนำไปแบบสบายๆ 3 - 0 ที่แอนฟิลด์จากประตูของ 1.สตีฟ บรู๊ซ, 2.ไรอัน กิ๊กส์ ด้วยกัน 3.เดนิส เออร์วิน แต่ คณะลิเวอร์พูล ภายใต้การนำของแกรม ซูเนสส์ ไม่ยอมปราชัยไล่ตีเสมอได้แบบปาฏิหารย์ จาก 2 ประตูของ ไนเจล คลัฟ และนีล รัดด็อก ก่อนที่จักเสมอกัน 3-3 เป็นเกมช่วงท้ายๆ ก่อนซูเนสส์จะโดนปลดจากตำแหน่ง.


ศึกแดงเดือดที่แสนเงียบเหงา




ก็ไม่แน่ใจว่าคิดไปเองเหรอเปล่า ว่าทำไมฟุตบอลแดงเดือดฤดูกาลนี้ ในนัดแรกทำไมมันดูเงียบๆ ชอบกล ทั้งๆ ที่ ฝ่ายแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ ทีมลิเวอร์พูล ที่ทั้งสองคณะคือฝ่ายของมหาชนชาวสยาม ที่มีแฟนบอลมากที่สุดคณะนึง.

พร้อมกับถ้าเป็นช่วงหลายๆ ปีที่พ้นมา เวลามีบอลคู่นี้ทีไร มักจะมีการจัดกิจกรรมต่างๆ ให้แฟนบอลไปร่วมสนุกด้วยกันนั่งรับชมการถ่ายทอดสดทางทีวีจอยักษ์ส่งตรงมาจากประเทศอังกฤษ ซึ่งก็จักมีทั้ง สาวกอสูรแดง กับ สาวกชาวเดอะค็อป ชวนเพื่อน แฟนหรือไม่ก็ครอบครัวไปร่วมกิจกรรมกันอย่างคับคั่ง.

ซึ่งนี่ก็ไม่ใช่แค่ที่เดียว แต่มีหลายที่ที่จัดกิจกรรมแบบนี้รวมทั้งมีการแสดงไม่ก็พากย์บอลสดๆ จากกูรูนักพากย์ชื่อดัง ไม่นับรวมสวนอาหารใหญ่ๆ ตามชานเมืองที่จ้องแย่งตัวนักพากย์ดังๆ มาสร้างความบันเทิงเริงรมย์ให้กับคอบอลทั้งหลาย.





โดยที่ส่วนหนึ่งอาจจักเป็นพราะตั้งแต่ต้นฤดูกาล ผลงานของทั้งคู่ ไม่ได้สร้างความประทับใจสักเท่าไหร่ เริ่มต้นจากขุนพลปิศาจแดงที่ออกสตาร์ตแย่ที่สุดในรอบเกือบ 20 ปี ตั้งแต่เปิดฤดูกาลจนถึงเดือนพฤศจิกายน โค้ชหลุยส์ ฟาน ฮัล พาลูกกลุ่มเก็บชัยชนะได้แค่ 3 เกมเท่านั้น ก่อนที่จักมาดีขึ้นภายหลังนั้นด้วยชัยชนะ 6 เกมติด.

ในขณะที่ทัพ พวกหงส์แดงของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ก็ไม่น่าเชื่อว่าตั้งแต่เปิดฤดูกาลมา เดือนสิงหาคม รวมทุกรายการพ่ายไปถึง 9 นัด ด้วยกันเพิ่งสดๆ ร้อนๆ ที่เพิ่งตกรอบแบ่งกลุ่มฟุตบอล ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก อีกต่างถ้าหาก แถมผลงานในลีกก็อยู่กลางตารางจนมีสื่อพร้อมใจกันเล่นข่าวว่า บีร็อด นั้นอาจจะถูกปลดในเร็ววัน ยิ่งถ้าจำนนในแดงเดือดนัดนี้อีกไม่ตะกลามจักคิดสภาพนัก ๆ.

และนอกจากนั้น ในแดงเดือดครั้งนี้บรรดานักเตะซูเปอร์สตาร์ที่เป็นแม่เหล็กดึงดูดแฟนบอลก็หายไปมากมาย อย่าง กรุ๊ปแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่เท่าไหร่ ไม่มี พี่ด็อบบี้ อังเคล ดิ มาเรีย ที่เจ็บอยู่แทบคนเดียว.





แทบแต่ว่าทางด้าน คณะลิเวอร์พูล ไม่มี หม่อมเหยิน หลุยส์ ซัวเรซ ที่ขายให้ พวกบาร์ซ่าไปแล้ว ซึ่งแดเนียล สเตอร์ริดจ์ ที่กำลังบาดเจ็บ ไม่ใช่หรือแม้กระทั่ง สตีเว่น เจอร์ราร์ด เองก็โรยราไปตามวัย ไม่ร้อนแรงเหมือนสมัยหนุ่ม ๆ

ซึ่งยิ่งตัวที่เหลืออยู่อย่าง เกรียนโอ้ นั้นทำให้แฟนหงส์พันธุ์ไทยทุกคนคงพูดได้เต็มปากว่า ไม่มีใครหวังดูเกรียนโอ้เล่นบอลขนาดนั้นหรอก บวกกับผลงานในสนามที่ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ขี้เกียจอีกต่างถ้า นี้แหละคือความหมายของการนำเงิน 16 ล้านปอนด์. ไปละลายแม่น้ำเล่น

พร้อมทั้งอีกประเด็นที่มองว่าน่าตารางบอลจะทำให้แดงเดือดคราวนี้เงียบเหงาเป็นเป่าสากซะเหลือกระฉ่อนเกิน คงหนีไม่พ้นเรื่องของสภาพเศรษฐกิจที่ต้องยอมรับว่า ยุคนี้ข้าวของแพง ไม่ค่อยมีเอกชนหรือไม่หน่วยงานไหน รวมถึงคนทั่วไปประสงค์จักทุ่มงบคาดคะเนมาจัดอีเวนต์ที่เปรียบเสมือนการทุ่มเงินหลักล้านในคืนเดียวหรอก เก็บเงินไว้เที่ยวช่วงปีใหม่เลยทีเดียวจักดีกว่า






พร้อมทั้ง ข้อสรุปง่ายๆ ของไฮไลท์ฟุตบอลแดงเดือดที่จะแข่งคือ นั่งดูฟุตบอลนัดนี้อยู่บ้านคนเดียวดีกว่า ก็เพราะว่าหลายครั้งที่หลายคนมักจะเร่ำลือกไปดูบอลบิ๊กแมตช์ตามที่ต่างๆ กับเพื่อนสนิทมิตรสหาย แต่ลองเปลี่ยนบรรยากาศมานั่งดูฟุตบอลคู่นี้คนเดียวในห้อง ซื้อเครื่องถองเย็นๆ ของว่างมานั่งกิน

นั้นอาจจักทำให้ได้ชมฟุตบอลในแบบที่ต่างออกไป มีสมาธิในการดูมากขึ้น จักเห็นมิติต่างๆ ของทั้งสองกรุ๊ปในแง่แท็กติกพร้อมด้วยการวางขนบของผู้จัดการคณะ นอกจากฝีเท้าของนักเตะ

แต่พอบอลจบก็ได้เตรียมนอนหลับพักผ่อนชาร์จไฟทั้งนี้เพราะวันพรุ่งนี้ก็ต้องทำงานแล้ว ถ้าออกลูกไปทรรศนะเกมข้างนอก หรือตามกิจกรรมแดงเดือดที่จัดขึ้นเหมือนปีก่อนๆ อาจจะมีติดลม งานไหลจนต้องตื่นสายไปทำงานได้เหมือนกัน.

แต่ว่าอย่างน้อยถึงในเมืองไทยจักเงียบเหงายังไง แต่ตะโกรงให้ชมฟุตบอลคู่นี้ให้ได้ประเด็น ไม่ใช่อะไรมาก เพราะว่าปีนี้มีแนวโน้มสูงว่า

พร้อมกับแม้จะเป็นนัดพบสุดท้ายที่เราจะได้เห็น พี่เจิด สตีเว่น เจอร์ราร์ด ลงเตะบอลที่สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ดในสีเสื้อลิเวอร์พูลครับ

Bank