วันพุธที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ฟุตบอล: หงส์แดง คืนชีพ ได้อย่างสมบูรณ์

หมู่หงส์แดง คืนชีพ ได้อย่างสมบูรณ์



   
ศึกฟุตบอลท่ามกลาง. ฝนปรอยๆ. จาก เซนต์ แมรี่ส์ สเตเดี้ยม. กับ พวกลิเวอร์พูล. สามารถ ก้าวตัดผ่าน อีก 1 ความยากประจำฤดูกาลนี้ และทะลุบททดสอบสำคัญหลังบุกมาชนะเจ้าถิ่น หมู่เซาแธมป์ตัน 2 - 0. แบบสนุก ตื่นเต้น


ถ้าจะกล่าวถึง ตัวเลข ที่ถูกพูดถึงกันมากหลังเกม คือ การแซง กรุ๊ปสเปอร์ส ขึ้นอันดับ 6 เพราะว่ามีแต้มตามหลัง พวกนักบุญ ในอันดับ 5. พาง 1.  คะแนน

พร้อมทั้งยังอยู่ห่างพื้นที่เข้าเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อันดับที่ 3. เหล่าอาร์เซนอล. กับอันดับที่ 4 กรุ๊ปแมนฯยูไนเต็ด เหมือน 3. ด้วยกัน 2.คะแนนตามลำดับเท่านั้น.

ดังนั้นเปรียบกับสถานการณ์ขณะ 14 ธันวาคม. จาก ถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด ที่ ลิเวอร์พูล. บุกพ่าย ทีมปีศาจแดง 0 - 3 แล้วช่างต่างกันราวฟ้ากับเหว.

เพราะหลังเกมดังกล่าวที่กลายเป็นแมตช์สุดท้ายที่ พวกลิเวอร์พูล. พ่ายแพ้ในลีก ด้วยกันแมตช์สุดท้ายที่เสียประตูเกมเยือน กลุ่มลิเวอร์พูล มีแต้มห่างจาก หลุยส์ ฟาน ฮัล.พร้อมทั้งลูกพวกถึง 10 คะแนน

   


   
ในฤดูหนาวช่วงก่อนคริสต์มาสดังกล่าวดูไม่เป็นใจ พร้อมกับประสงค์จักคาดคิดว่า ฝ่ายลิเวอร์พูล นั้นจักเก็บชัยชนะได้ถึง 7 จาก 10 นัดภายหลังนั้นในพรีเมียร์ลีกเพราะว่าไม่ปราชัยใคร ด้วยกันทำอันดับ/แต้ม พุ่งขึ้นมาโซน UCL. ได้อย่างน่าทึ่ง.


พร้อมทั้งนั่นแหล่ะครับ.  ผมขอมอบ เครดิต. การตัดสินใจที่ถูกต้องของ แบรนแดน ร็อดเจอร์ส อย่างน้อยๆ 10 ประการมาฝากกันนะครับ.

ข้อที่ 1. ในการปรับมาเล่นระบบ 3 - 4 - 3 นับตั้งแต่นัดสุดท้ายที่จำนนในพรีเมียร์ลีกกับ กลุ่มแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พร้อมทั้งก็ทำได้ดีจาก ทรัพยากร ที่มีอยู่

ข้อที่ 2. ด้วยระบบดังกล่าว ร็อดเจอร์ส นั้นยังจับ เอมเร่ ชาน ดาวเตะเยอรมันจากมิดฟิลด์ไปยืนเป็นแกนหลัก 1 ใน 3 คนแนวรับ พร้อมกับก็ประสบความสำเร็จอย่างสวยงาม

ข้อที่ 3. เพื่อการให้โอกาสเจ้าหนู ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ได้กลับไปพักผ่อนที่จาไมก้าก่อนจักกลับมาทำผลงานได้ดีใน ศึกแคปิตอล วัน คัพ นัดตัดเชือกกับ ฝ่ายเชลซี จนกระทั่งทันที กับน่าจักเล่นดี / ยิงได้ไปจนจบซีซั่น

ข้อที่ 4. กรณีที่จู่ๆ กับเจ้าอีกดาวเตะวัย 19 ปี จอร์ดอน ไอบ์ มา แจ้งเกิด ทางฝั่งขวาในเกมสำคัญ ดาร์บี้แมตช์ กับเอฟเวอร์ตัน พร้อมกับเโจษกเป็นตัวหลักแซงหน้า เกล็น จอห์นสัน ที่หายเจ็บกลับมาแล้ว

   


   
ข้อที่ 5. ด้วยการสั่งพัก ซิมง มินโญเล่ต์ แบบ ไม่มีกำหนด พร้อมทั้งแม้จักกลับมาเร็วเกินคาดเพราะ แบรด โจนส์ ได้รับบาดเจ็บ ทว่า เวลาว่าง ที่หายไป ได้ทำให้นายด่านเบลเยียมกลับมา คืนฟอร์ม ได้อย่างเหฟุ้งเฟื่องเชื่อ


ข้อที่ 6. ในการการตกลงใจในเรื่องอนาคต สตีเว่น เจอร์ราร์ด ที่บังเอิญขณะนี้เจ็บ พร้อมทั้งกลายเป็นว่า พวกลิเวอร์พูล นั้นไม่จำเป็นต้องมีกัปตันเหล่าคนเก่งเป็นแกนหลักอีกแล้ว แม้ว่า บทจบ จะไม่ค่อยสวยงามนักก็ตาม

ข้อที่ 7. เพราะการ รับมือ ปัญหา มาริโอ บาโลเตลลี่ ที่แม้จักยังไม่ได้มีเครื่องพิสูจน์ว่า ประสบความสำเร็จ ทว่าผลงานของ ซูเปอร์มาริโอ ใน 3 นัดหลังไม่รวมนัดชนะ หมู่เซาแธมป์ตัน ดูกลับมา สดใส ขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับต้องยอมรับว่า แฟนบอลยังไม่ได้ยินปัญหาระหองระแหง หรือไม่เรื่อง งี่เง่า ๆ ของบาโลเตลลี่ เหมือนในอดีตกับเหล่าเก่าๆ ของเค้า

ข้อที่ 8. ในเรื่องของการจับ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง เป็นหน้าเป้าสไตล์ False No9 หลังเหล่าเจอปัญสมมติารเสียตัวหลักในการทำประตูอย่าง หลุยส์ ซัวเรซ พร้อมด้วย แดเนียล สเตอร์ริดจ์ จากการบาดเจ็บ ในขณะที่ ริคกี้ แลมเบิร์ต พร้อมกับ มาริโอ บาโลเตลลี่ ยังคลำฟอร์มเก่งไม่เจอ

ข้อที่ 9. การรีดพลัง เฟลิเป้ คูตินโญ่ ให้ฟื้นคืนชีพ ด้วยกันกลายเป็นกำลังหลักของกลุ่มในระบบกองหน้า 3 ตัว ทุกวันนี้ ดาวเตะบราซิเลียน ถือเป็นนักเตะที่ฝ่ายขาดไม่ได้ กับลงเป็นตัวแน่นอนติดต่อกันมา 19 นัดแล้ว โดยมีถึง 17 นัดที่เล่นครบ 90 นาที

ข้อที่ 10. เพราะเกมรับที่มี มาร์ติน สเคอร์เทล กลับมาระเบิดฟอร์มเหนียวอีกหน กำลังสร้างสถิติไม่เสียประตูในเกมเยือนได้ถึง 469.นาที ไม่ใช่หรือกว่า 5. นัด

ซึ่งนับว่าดีที่สุดนับจากยุค ปี 1985. จาก อลัน แฮนเซ่น – มาร์ค ลอว์เรนสัน ที่ กลุ่มลิเวอร์พูลไม่เสียประตูเกมเยือนติดต่อกัน 5. นัด

   


 
เหตุด้วย เกมกับ พวกเซาแธมป์ตัน. แม้จักประเด็น ฮอต ไม่จำนนกันกับการตัดสินของ เควิน เฟรนด์. ที่ ไม่ยอม จุดโทษเจ้าบ้าน 3 ครั้ง พร้อมกับอาจจักเป็น ใบแดง อีก 2 หนจนเจ้าถิ่นไม่ได้ประโยชน์ใดๆจากการตัดสิน


แต่ One – nil to the referee. คือ เสียงร้องแฟนๆ นักบุญ ตอนพักครึ่งส่งถึง เฟรนด์ อันหมายถึง เหล่าลิเวอร์พูล นำ  1 - 0 ในครึ่งแรกเพราะกรรมการ.

ซึ่งถ้าจักพิจารณาแต่ละนาที แม้จะรายงานในสไตล์ โจเซ่ มูรินโญ่ :

   
  • ในนาทีที่ 1. ฟิลิป ยูริซิช โดน เอมเร่ ชาน เหนี่ยวในเขตโทษ ซึ่งน่าจักเป็นจุดโทษ พร้อมด้วยใบแดงด้วยดาวเตะสายเละบือดเยอรมัน
  • ในนาทีที่ 4. ยูริซิช โดน โจ อัลเลน สอยคว่ำแบบไม่โดนบอลในเขตโทษ แต่ก็ไม่ได้จุดโทษเช่นกัน
  • ในนาทีที่ 44. เดยัน ลอฟเรน ทำแฮนด์บอลชัดเจน แต่ เฟรนด์ ก็ไม่เห็นอีกเช่นเคย
  • กับปิดท้ายนาทีที่ 45. ซิมง มินโญเล่ต์ ออกมาตัดบอล แล้วก้ำกึ่งจักแฮนด์บอลนอกกรอบเขตโทษที่มีสิทธิ์โดนใบแดง แต่ผลการตัดสินก็เหมือนเดิม
  ด้วยกันทันทีที่เป็นดังนั้นก็ไม่แปลกครับเกี่ยวกับเสียงตะโกน One – nil to the referee.

   


   
ในขณะที่ กลุ่มลิเวอร์พูล เองมี 1 เหตุการณ์นาทีที่ 31 ซึ่ง สเตอร์ลิ่ง โดน โจเซ่ ฟอนเต้ สกัดทั้งบอล พร้อมทั้งคนในเขตโทษให้ได้ โต้แย้ง แต่ส่วนตัวผมมองว่า ดอกนี้ ฟอนเต้ โดนบอล จึงขอยกผลประโยชน์ให้จำเลย.


เพื่อทุกเหตุการณ์ข้างต้น มองในมุมการตัดสินได้ 2 ประการ. คือ :

   
  • ข้อที่ 1. สมมุติ เควิน เฟรนด์ ไม่แน่ใจก็ เหมาะสม แล้วที่ไม่ให้จุดโทษจากทั้ง 4 เหตุการณ์ข้างต้นที่ ให้ได้ เหรอ ไม่ได้ ไล่มินโญเล่ต์ ออกไป
  • ข้อที่ 2. มัน ไม่เหมาะสม อย่างแรง เพราะในมุมนี้จักมองว่า เฟรนด์ ไม่ทันเกม พร้อมกับตัดสินผิดพลาดบ่อยครั้งอย่างเหร่ำลือเชื่อในแมตช์เดียว

มาถึงระยะนี้ เหล่าลิเวอร์พูล เตรียมตบเท้าเข้ารอบตัดเชือกเอฟเอ คัพ ในรอบ 8 เหล่าได้เจอ กลุ่มแบล็คเบิร์น ในแอนฟิลด์ พร้อมด้วยในขณะที่ในบอลลีกก็ถือว่า คณะหงส์ คัมแบ็กได้แล้วอย่างเป็นทางการ

พร้อมทั้งนี่ช่างเป็นการ คืนชีพ ที่เหโจษจันเชื่อ พร้อมทั้งแบรนแดน ร็อดเจอร์ส คู่ควรกับเครดิตสุทธิ ๆ ครับ

   
ไข่มุกดำ.


ที่มา: http://sport.sanook.com/134833/