วันจันทร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2557

ก็คนมันเก่งอ่ะ! โดยที่ฟัลเกา เผยว่าเคยเกือบเป็นนักเบสบอลมาก่อนนักฟุตบอล + คลิป.


ก็คนมันเก่ง
.! โดยฟัลเกา เผยว่าเคยเกือบเป็นนักเบสบอลมาก่อน+คลิป.



ถือว่าเป็นโชคดีนะที่ พ่อเตือนไว้ซะก่อน
.! "หลังจากที่ เอล ติเกร" ได้ยอมรับว่า สมัยวัยเยาว์ เคยหมางเมินลูกหนังคลั่งไคล้เบสบอล จนเกือบยึดเป็นอาชีพ. แต่โชคดีที่มีคุณพ่อคอยเตือน จนทำให้รู้ว่าตนเองเหมาะสมกับกีฬาฟุตบอลที่สุด.

หลังจากที่
. ราดาเมล ฟัลเกา ซึ่งเป็นหัวหอกป้ายแดงของทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด. ยักษ์ใหญ่แห่งศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ได้ออกมาเปิดเผยว่า ถ้าหากตนเองไม่ได้เป็นนักฟุตบอลอาชีพ ก็อาจจะหันไปเอาดีทางกีฬาเบสบอลแทน เพราะตนเองก็พอมีฝีมือ และคลั่งไคล้กีฬาชนิดนี้อยู่บ้าง โดยยอมรับว่า ตอนสมัยเด็กๆ เคยเกือบเลิกเล่นฟุตบอล และไปทุ่มเทให้กับเบสบอลแทนเสียแล้ว ทว่าสุดท้ายได้คุณพ่อเตือนสติให้หันกลับมาเล่นฟุตบอลอีกครั้ง จนมีชื่อเสียงโด่งดังจนถึงทุกวันนี้.

โดยที่เขาได้เปิดเผยว่า "ในสมัยเด็กผมอาศัยอยู่ที่ประเทศ เวเนซูเอล่า และเริ่มเล่นฟุตบอลที่นั่น แต่ตอนนั้นผมเล่นไม่เป็น และรู้สึกอายทุกครั้งที่ลงเล่นกับเด็กคนอื่นๆ มันทำให้ผมไม่อยากเล่นอีกต่อไป แต่พ่อของผมคอยให้กำลังใจ และสนับสนุนให้ผมเล่นต่อไป จนทำให้ผมตกหลุมรักฟุตบอลในที่สุด แต่ผมจะบอกอะไรให้นะ ผมก็เป็นนักกีฬาเบสบอลเช่นกันในตอนนั้น ที่ประเทศเวเนซูเอล่า ซึ่งผมอาศัยอยู่ถึง 5 ปีเต็ม มีวันนึงการฝึกซ้อมฟุตบอลของพวกเราถูกยกเลิก เพื่อร่วมทีมต่างตัดสินใจว่าจะเล่นเบสบอลแทน แต่ผมไม่รู้กติกาอะไรทั้งสิ้นเลย"

เขากล่าวว่า หลังจากที่พวกเรา เริ่มเล่น ผมก็ตีบอลพลาด เพื่อนร่วมทีมต่างหัวเราะเยาะผม และนั่นก็เป็นแรงผลักดันให้ผมเริ่มทำความเข้าใจกับกีฬาชนิดนี้ ผมเล่นในตำแหน่งพิชเชอร์ และก็คิดว่าจะหันไปเอาดีทางกีฬาเบสบอลแทนฟุตบอล แต่พ่อของผมรู้ดีว่าผมเล่นฟุตบอลคงจะรุ่งกว่า สุดท้ายเราก็ย้ายออกจากเวเนซูเอล่า จึงจำเป็นต้องเลิกเล่นเบสบอสไปโดยปริยาย แต่สุดท้ายผมก็เชื่อแล้วว่า ผมรักฟุตบอลมากกว่า ฟัลเกา วัย 28 ปี
. กล่าว

และกองหน้าชาวโคลอมเบีย ยังได้กล่าวถึงบิดาบังเกิดเกล้าของตนเองอีกด้วยว่า "สำหรับพ่อ คือไอดอลตลอดกาลของผม เขาเคยเล่นฟุตบอลในตำแหน่งกองหลัง และได้แนะนำผมว่า ควรเล่นอย่างไร เวลาเผชิญหน้ากับกองหลัง
."





ดูท่าจะเป็นข่าวใหญ่เมื่อ นาสรี่เมินทีมหงส์.

ชี้ทีมผี
.,ทีมสิงห์.ลุ้นแชมป์ลีกกับทีมเรือใบ.



เมื่อนาสรี่ เผยได้มองข้าม "ทีมหงส์แดง
." ว่าอาจ ลุ้นแชมป์ลีกยาก หลังจากเสีย ซัวเรซ แถมมีเกมยุโรปมาเพิ่ม ชี้มีเพียง "ทีมปีศาจแดง" กับ "ทีมสิงห์บลูส์" ที่เป็นคู่แข่งแย่งแชมป์กับ "ทีมเรือใบสีฟ้า" ส่วน "ทีมปืนใหญ่." มองว่าเป็นตัวทรอดแทรก

หลังจากที่ ซามีร์ นาสรี่ มิดฟิลด์ของ ทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมชั้นนำในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ มองข้าม ทีมลิเวอร์พูล คู่แข่งร่วมลีก ว่าอาจจะหมดสิทธ์ลุ้นซิวแชมป์ลีกในซีซั่นนี้ เนื่องจากเสียนักเตะคนสำคัญอย่าง หลุยส์ ซัวเรซ ไป รวมถึงยังมีโปรแกรม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เพิ่มเข้ามา ดังนั้นจึงขอยกให้ ทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ ทีมเชลซี ที่จะมาเบียดแย่งแชมป์กับทัพ "ทีมเรือใบสีฟ้า
."

โดยที่มิดฟิลด์ชาวฝรั่งเศส ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า
."ทีมลิเวอร์พูล จะต้องพบกับงานที่ยากลำบาก เพราะพวกเขาเสีย ซัวเรซ ไป อีกทั้ง ทีมลิเวอร์พูล ยังจะมีโปรแกรมลงเล่นในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องที่จะแตกต่างออกไปสำหรับพวกเขา เพราะซีซั่นที่แล้วพวกเขาลงเล่นแค่ในลีกจนถึงเดือนสุดท้ายของฤดูกาล และมันทำให้พวกเขาได้เปรียบ เนื่องจากมีสภาพร่างกายที่สดและฟิตกว่า."

เขาได้กล่าวว่า
. สำหรับผม ผมคิดว่าคู่แข่งสำคัญของ แมนฯ ซิตี้ ในการแย่งแชมป์ลีก คือ ทีมเชลซี และ ทีมแมนฯ ยูไนเต็ด โดย ทีมเชลซี ทำได้ดีในการเซ็นนักเตะเข้ามา และ เชส ฟาเบรกัส จะเป็นคนที่สามารถทดแทน แฟร้งค์ แลมพาร์ด ได้ เขาเป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยม ผมรู้ดีเพราะผมเคยเล่นกับ เชส สมัยอยู่ อาร์เซน่อล ส่วน เชลซี ที่มีปัญหาเรื่องศูนย์หน้าเมื่อซีซั่นก่อน แต่ฤดูกาลนี้พวกเขาก็เซ็นคว้าตัว ดีเอโก้ คอสต้า เข้ามา ส่งผลให้พวกเขาดูน่ากลัวอย่างมาก.

ทั้งยังได้เพิ่มเติมอีกว่า
. และ ทีมแมนฯ ยูไนเต็ด นั้นได้กุนซือคนใหม่ ทั้งยังคว้านักเตะมาเสริมขุมกำลังได้เป็นอย่างดี รวมถึงพวกเขาไม่มีโปรแกรมลงเตะเกมยุโรปด้วย ดังนั้นผมจึงคาดหวังว่า ทีมแมนฯ ยูไนเต็ด จะกลับมาแข็งแกร่งอีกครั้งอย่างแน่นอน ส่วน ทีมอาร์เซน่อล ก็อาจมีลุ้นแย่งแชมป์เหมือนกัน เพราะการคว้าตัว อเล็กซิส ซานเซซ เข้ามา ทำให้มีความแข็งแกร่งขึ้น นาสรี่ ร่ายยาว.



ดูเหมือนทีมปืนจะได้เฮ.! หลังวัลค็อตต์ เตรียมคัมแบ็กนัดฟัดทีมไก่. 



ดูเหมือนทีมปืนใหญ่ จะได้เฮ เมื่อ วัลค็อตต์ เตรียมคัมแบ็กกลับมาลงสนามช่วยทีม ในแมตช์ปะทะทีม "ไก่เดือยทอง
." หลังเจ้าตัวฟิตเต็มสูบอีกครั้ง หลังร้างสนามไปกว่า 8 เดือน

ซึ่งหลังจากที่ทีม อาร์เซน่อล ที่เป็นยักษ์ใหญ่แห่งเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
. ได้รับข่าวดี เมื่อล่าสุดมีรายงานว่า ธีโอ วัลค็อตต์ ปีกตัวจี๊ด กลับมาฟิตแบบเต็มสูบอีกครั้ง ภายหลังต้องร้างสนามจากอาการบาดเจ็บหัวเข่าไปตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา โดยเจ้าตัวมีลุ้นลงประเดิมสนามให้ทัพ "ทีมปืนใหญ่" เป็นครั้งแรกในรอบ 8 เดือน เกมที่จะพบกับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ อริร่วมเมือง ในวันที่ 27 กันยายน. นี้

โดยสำหรับดาวเตะวัย 25 ปี
. ได้มีปัญหาเดี้ยงบริเวณหัวเข่า จากเกมที่ "ทีมปืนใหญ่" เอาชนะ "ทีมไก่เดือยทอง" ไป 2-0. ในศึก เอฟเอ คัพ เมื่อเดือน มกราคม ที่ผ่านมา แต่กระนั้น วัลค็อตต์ ก็ได้บำบัดฟื้นฟูอาการบาดเจ็บมาตลอด จนล่าสุดเตรียมคัมแบ็กกลับมาลงสนามช่วย อาร์เซน่อล. ได้อีกครั้ง ในศึก "ลอนดอน ดาร์บี้แมตช์" ที่จะพบกับ "ทีมสเปอร์ส"

ซึ่งในทั้งนี้ การคัมแบ็กของ วัลค็อตต์ นับว่าเป็นข่าวดีสำหรับ ทีมอาร์เซน่อล เพราะนอกจากจะเจอมีคิวลงดวลกับ "ทีมสเปอร์ส" แล้วนั้น ทัพ "ทีมปืนใหญ่" ก็ยังพบศึกหนักปะทะกับ ทีมกาลาตาซาราย ในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก วันที่ 1 ตุลาคม
. ก่อนจะต้องออกไปเยือน ทีมเชลซี เป็นนัดถัดไป



จะได้ประโยชน์แน่นอนหรือเปล่า.?


ข่าวนี้จะยังคงมีประเด็นข่าวให้เห็นกันต่อเนื่องกับความเป็นไปได้ที่ทีมลิเวอร์พูลจะดึงตัว บิคตอร์ บัลเดส อดีตคนเฝ้าเสาของบาร์เซโลน่ามาร่วมทีม
.

ซึ่งด้วยสถานภาพของ บัลเดส ที่ไม่มีสังกัดหรือที่คุ้นกับคำว่าฟรีเอเยนต์ ย้ายไปทีมไหนก็ได้ช่วงเวลาไหนก็ได้มีข้อยกเว้นไว้ให้แม้ว่าตลาดซื้อขายจะปิดตัวไปแล้วก็ตาม

หลังจากที่ บัลเดส ได้หมดสัญญากับบาร์ซ่าหลังจากจบฤดูกาลที่แล้ว และมีการเซ็นสัญญาล่วงหน้ากับโมนาโกตั้งแต่ช่วงปีใหม่ ความท้าทายที่ต้องการพังลงไปหลังจากบาดเจ็บเข่าจนต้องเข้ารับการผ่าตัดและพักยาวมาจนถึงทุกวันนี้

และทางทมโมนาโกยกเลิกสัญญา ในขณะที่ทีมบาร์ซ่าก็ยังเปิดช่องให้อยู่ต่อ ทว่า บัลเดส ตัดสินใจเดินหน้าต่อไปรอความท้าทายอื่นโดยไม่มีเรื่องราวของเวลาในตลาดซื้อขายเข้ามาขัดขวาง จะมีก็เพียงสภาพร่างกาย สภาพความฟิตของตัวเองเท่านั้น


นี่เป็นท่าประจำตัวที่แฟนบอลคุ้นตา. 

ลองย้อนกลับมาที่ทีมลิเวอร์พูล ในวันสุดท้ายของตลาดซื้อขายมีการประเมินสภานการณ์กันว่า เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ควรจะหาผู้รักษาประตูเข้ามาเพิ่ม เอาประเภทที่สามารถกดดัน ซิมง มิโญเลต์ ได้ ไม่ใช่หาแค่ตัวสำรองแตะระยะห่างของฝีมือยังมีให้เห็นเฉกเช่นมี แบร็ด โจนส์
. เป็นมือ 2 อยู่ตอนนี้

ทางทีมอาร์เซนอลมี 
  1. เชสนี่ 
  2. ออสปิน่า 

ทีมเชลซีมี 2 สุดยอดอย่าง 
  1. ปีเตอร์ เช็ก 
  2. กูร์กตัวส์ 

และในขณะที่ทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้มี 
  1. โจ ฮาร์ท 
  2. วิลลี่ กาบาเยโร่ 

ซึ่งแต่ละทีมถือว่ามือ 1. และ 2. สามารถกดดันแก่งแย่งตัวจริงกับได้แบบสูสี

และทีมลิเวอร์พูลไม่ได้เป็นแบบนั้น แม้ว่า ร็อดเจอร์ส พยายามแก้ปัญหาเกมรับของทีมมาตลอด แต่การเสริมผู้รักษาประตูเพื่อกดดันหรือแย่งมือ 1 กับ มิโญเลต์ กลับไม่มีให้เห็น

โดยที่ก่อนหน้านี้ถ้า เปเป้ เรน่า ตัดสินใจอยู่ต่อก็สามารถใกล้เคียงกับคำว่ากดดัน มิโญเลต์ มากกว่า แบร็ด โจนส์ ทำไม เรน่า เลือกไปนั่งสำรองของ นอยเออร์ แทนที่จะสู้กับ มิโญเลต์

และนี่คือเหตุผลที่ทำให้ ความสัมพันธ์ของนักเตะกับกุนซือมันหมดลงไปตั้งแต่นาทีที่ ร็อดเจอร์ส ตัดสินใจเปลี่ยนแปลงมือหนึ่งของทีมโดยไปดึงตัว มิโญเลต์ เข้ามา นั่นเท่ากับว่าหมดความไว้ใจกันไปเรียบร้อยแล้ว ความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมันจึงถูกตัดขาดตั้งแต่นาทีนั้น
.






เมื่อเปเป้ เรน่า จรลีไปอยู่กับ ทีมเสือใต้ ดีกว่าอยู่ต่อแบบอึดอัดใจ. 

โดยที่ความคาดเดาของสื่อกับกรณีที่ ร็อดเจอร์ส ทำตัวเงียบๆไม่ยอมขยับในช่วงโอกาสสุดท้ายก่อนเดดไลน์ อาจเป็นไปได้ที่ตั้งเป้าไปที่ บัลเดส เอาไว้แล้ว แค่รอให้ฟิตร่างกายกลับมาเท่านั้น ดีไม่ดีแอบคุยกันแล้วก็ได้
.

และทีมหงส์แดงจะได้ประโยชน์จาก บัลเดส หรือเปล่า ว่ากันเป็นประเด็นไป ในเรื่องของการปรับตัวกับเกมพรีเมียร์ ลีก ต้องรอของจริง เรารู้กันอยู่แล้วว่า พรีเมียร์ ลีก ฆ่าคนที่มีชื่อชั้นดีๆมานักต่อนัก ประเด็นนี้เป็นเรื่องอนาคตยกยอดไปก่อน

ซึ่งในเรื่องของอาการบาดเจ็บหัวเข่า เป็นเรื่องใหญ่ไปจัดการกันเองระหว่างการตรวจร่างกาย เรื่องที่จะได้ประโยชน์แน่ก็คือ ประสบการณ์ของ บัลเดส

สำหรับการเล่นให้กับทีมบาร์ซ่าสิบกว่าปี นั่นหมายถึงผ่านเกมระดับสุดยอดมามากมายโยเฉพาะถ้วยใหญ่ของยุโรปอย่างแชมเปี้ยนส์ ลีก
.


นี่เป็นสไตล์การทำทีมของ บีร็อด ซึ่งน่าจะเข้ากับบัลเดสได้ดี.

และในเรื่องราวต่อมาก็คือฝีมือไม่ได้เป็นรอง มิโญเลต์ แต่อย่างใด เพราะฉะนั้นหากมีการดึงตัวมาร่วมทีมในอนาคตอันใกล้จริงตามที่สื่อวิเคราะห์กัน ไม่ใช่แค่การดึงตัวเพื่อเข้ามาเป็นมือ 2
. ของทีม

เพียงแต่ว่าเป็นการดึงเข้ามาเพื่อแย่งมือหนึ่งกันอย่างชัดเจน ภาพรวมของ มิโญเลต์ ที่ผ่านมาถือว่าใช้ได้ในระดับพอใจสำหรับ ร็อดเจอร์ส

ซึ่งในหลาย ๆ ครั้งเช่นกันที่คนเฝ้าเสาของหงส์แดงพลาดแบบง่ายๆ ไม่ว่าจะเป็นการออกมาตัดลูกโด่งหรือการปิดมุมเสาแรก

และรายละเอียดเล็ก ๆน้อยๆของผู้รักษาประตูไม่สามารถมองข้ามกันได้ มันหมายถึงการเสียประตูให้คู่แข่งทันที แมตช์เจอกับทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้เมื่อสัปดาห์ก่อนโน้นเห็นกันชัดเจนว่า มิโญเลต์ พลาดอย่างแรงกับการปิดมุมเสาแรกเปิดช่องเป็นวาให้ กุน อเกวโร่ ยิงยัดเข้าไปแบบสบายๆ


ซึ่งถ้าบัลเดสมา ตำแหน่งตัวจริงของมิโญเล่ต์ก็ไม่การันตี 100% อีกต่อไป.

แม้จะปิดช่องมิดชิดแล้วระดับ อเกวโร่ ยังสามารถยิงเข้าไปได้ นับประสาอะไรกับการเปิดช่องซะกว้างขนาดนั้น ร็อดเจอร์ส ไม่สามารถมองข้ามรายละเอียดแบบนี้
. 

และปรัชญาฟุตบอลหลายอย่างของ ร็อดเจอร์ส
. ใกล้เคียงกับหลักฟุตบอลของทีมบาร์ซ่าที่ บัลเดส คุ้นเคย การขึ้นบอลจากแนวรับ การตั้งรับตั้งแต่แดนหน้าคือไล่บอลกันตั้งแต่กองหน้า คงช่วยให้การปรับตัวง่ายขึ้นเยอะ.

ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่าอุปสรรคใหญ่ยังคงขวางทางอยู่ นั่นคือสภาพร่างกายของ บัลเดส เอง การตรวจร่างกายคงเข้มข้นมาก และเรื่องราวตามข่าวยังคงไม่เกิดขึ้นตอนนี้ อย่างน้อยกว่า บัลเดส
. จะกลับมาได้เต็มสูบต้องรอถึงเดือนพฤศจิกายน

และความคืบหน้าที่แท้จริงอาจจะต้องรอไปถึงเดือนหน้า แต่ว่าถ้าทุกอย่างเป็นจริงและราบรื่นถือว่า ทีมหงส์แดงได้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้แน่นอน
.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น